หลังจากที่ทราบ สาเหตุ และ ผลกระทบด้านจิตใจ จากเหตุการณ์วุ่นวายทางการเมือง
ใน #ความวุ่นวายทางการเมืองส่งผลต่อจิตใจอย่างไร
และ ทราบแนวทางการดูแลตัวเอง ในสถานการณ์เหล่านี้
ใน #7วิธีดูแลใจตัวเองในช่วงการเมืองวุ่นวาย
ในตอนนี้ จะกล่าวถึง แนวทางการดูแลคนรอบข้าง คนใกล้ต้ว หรือ คนในสังคมกันนะคะ
การดูแลคนรอบข้าง
กรมสุขภาพจิตได้แนะนำไว้ 4 ข้อนะคะ
1. รับฟัง
เป็นขั้นตอนแรก ที่สำคัญมากค่ะ
เพราะ ทุกวันนี้ที่ขัดแย้งกัน ทะเลาะกัน หมางใจกัน
ส่วนหนึ่งเพราะขาดการรับฟังกันค่ะ
เพราะ เราบางครั้ง ใจเราก็เผลอมีอคติ (รู้ตัวบ้าง ไม่รู้ต้วบ้าง)
ยึดถือแต่ความคิดตนเองบ้าง เราจึงไม่ค่อยฟ้งกันเท่าไหร่ค่ะ ^^"
การรับฟัง และ รับฟังอย่างเข้าใจ
เคารพความคิดของกันและกัน
ฟังโดยวางการตัดสิน
ฟังโดยวางอคติที่เกิดขึ้น ขณะที่ฟัง
จึงเป็นต้นทางของการเยียวยาใจกันกับคนรอบข้าง กับคนในสังคมค่ะ
2. ชื่นชม
แม้อีกฝ่ายความคิดเห็นอาจไม่ตรงกับเรา
หรือ แม้อยู่ฝ่ายเดียวกัน แต่ในรายละเอียดอาจเห็นต่างจากเรา
เราฟังแล้วอาจเผลอหงุดหงิดใจ
การฝึกเปิดใจกว้างๆ รับฟังความคิดเห็นของอีกฝั่ง
บางทีสิ่งที่เขาคิด ก็มีด้านดีๆ อยู่ ที่เราอาจมองไม่เห็นในตอนต้น
เพราะ เชื่อและปักใจกับความคิดของตนเองอย่างมาก
จนมีอคติและการตัดสินบังตาอยู่
การเปิดใจ ทำให้เราเองได้ความรู้ใหม่ๆ
เข้าใจอะไรกว้างขึ้น เป็นกำไรหนึ่งของการใช้ชีวิต
เพราะการติดอยู่กับกรอบเดิมๆ มากเกินไป
อาจทำให้เราอยู่ในโลกที่แคบลง
เมื่อเราเปิดใจมากขึ้น มองเห็นด้านดีๆ ของความคิดที่แตกต่าง
การชื่นชม จะด้วยความรู้สึก คำพูด สีหน้า แววตาท่าทาง
ช่วยทำให้เกิดบรรยากาศทีดีๆ
เกิดความวางใจ และ เกิดความรู้สึกยอมรับในกันและกันค่ะ
3. ห่วงใย ให้กำลังใจ
เพราะช่วงเวลาที่จิตตก ความห่วงใยและกำลังใจ เป็นสิ่งสำคัญมาก
เพราะ อย่างที่่กล่าวในตอนที่ 1 นะคะ
ผลจากเหตุการณ์วุ่นวายทางการเมือง มีผลกระทบกับจิตใจได้มาก
บางคนอาจบอกเราออกมา ขณะที่บางคนอาจไม่พูดอะไร
แต่จริงๆข้างในรู้สึก
การให้ความห่วงใย ใส่ใจกันและกัน
ให้กำลังใจกันและกัน
เหมือนเป็นยาวิเศษที่ชโลมใจ ในยามที่รู้สึกจิตใจรู้สึกแห้งผาก
อ่อนระโหยโรยแรง จากความเรื้อรั้งของเหตุการณ์วุ่นวาย
จนทำให้ใจอ่อนล่า อ่อนเพลียได้อย่างมากค่ะ
การแสดงความห่วงใย ใส่ใจ ถามไถ่ ส่งกำลังใจให้กัน
ด้วยคำพูด ด้วยแววตา สีหน้าท่าทาง ที่ออกมาจากใจ
จะช่วยให้จิตใจที่กำลังห่อเหี่ยวกลับมามีเรี่ยวแรง มีชีวิตชีวา อีกครั้งได้ค่ะ
4. คำแนะนำ
ในเวลาที่สภาพจิตใจย่ำแย่ หลายคร้้งจะหาทางออกไม่ได้
เพราะ มองไม่เห็นทางออก มองเห็นแต่ทางตัน
การให้คำแนะนำ จึงมีความสำคัญค่ะ
เพราะเป็นการช่วยชี้ทางสว่าง ให้เห็นทางออกได้ค่ะ
แต่ควรทำเป็นลำดับสุดท้ายค่ะ ทำเมื่อเข้าใจปัญหาเขาแล้ว
เพราะถ้าทำตั้งแต่ต้น จะทำให้คนที่กำลังเครียด
รู้สึกว่าเราไม่เข้าใจเขา และ ไม่อยากรับฟังเขาได้ค่ะ
เพราะ หลายครั้งเราอาจแนะนำไปไม่ตรงกับปัญหาของเขาก็มีค่ะ
เพราะ เรายังไม่ทันเข้าใจปัญหาของเขาดีพอค่ะ
การรีบให้คำแนะนำ อาจจะทำให้เกิดความรู้สึกแย่ มากกว่า ความรู้สึกดีค่ะ
แต่ในบางครั้ง บางคนอาจไม่ต้องการคำแนะนำนะคะ
ต้องการเพียงคนรับฟัง รับฟังอย่างเข้าใจค่ะ
แค่นั้นก็รู้สึกดีมากๆแล้วค่ะ
ณ จุดนั้น คำแนะนำอาจไม่จำเป็นค่ะ
การดูแลกันและกัน นอกจากทำให้คนรอบข้างมีความสุขมากขึ้น
ตัวเราก็มีความสุขมากขึ้นไปด้วยค่ะ
เพราะ บรรยากาศรอบตัวดีขึ้น
และ ยิ่งเป็นคนที่เรารัก ถ้าเราทำให้เขามีความสุข เราเองก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นค่ะ
การเข้าใจในกันและกัน เห็นใจกัน
ช่วยกันดูแลกันและกัน เป็นสิ่งที่สำคัญมาก
เพราะ ขณะนี้ทุกคนตกอยู่ในเรือลำเดียวกัน ลำที่ไม่รู้ว่าประเทศจะไปทิศไหนเหมือนกัน
การเมตตาต่อกันจะช่วยให้เรือลำนี้รอดมากขึ้น
ขณะที่เหตุการณ์ทางการเมืองยังวุ่นวาย
แต่เราสามารถช่วยกันดูแล
จิตใจของตนเอง
จิตใจของคนอื่น
และ จิตใจของคนในสังคม ไม่ให้วุ่นวาย สับสนตามการเมืองได้นะคะ
เป็นกำลังใจให้กับคนไทยทุกคนนะคะ
พญ. ทานตะวัน อวิรุทธ์วรกุล
เครดิตภาพ : http://www.lowestoft.ac.uk/college-courses/access-to-higher-education/access-to-social-work-and-social-care-professions-level-3.aspx