7 ทัศนคติ พื้นฐานของ "การฝึกเจริญสติ"(7 attitudes of mindfulness)จากหนังสือ Full Catastrophe Living (1990) โดย Prof. Jon Kabat-Zinn7 ทัศนคตินี้จะช่วยให้เกิดความเข้าใจถึงแนวทางการฝึกใจ ให้มีสติ เพื่อสุขภาพใจที่ดีในแต่ละวัน รายละเอียดมีดังนี้ค่ะ :)<3 ทัศนคติที่ 1 การฝึกไม่ตัดสิน (Non-judging): การฝึกไม่ตัดสิน หมายถึงการฝึกสังเกต ความคิด และ ประสบการณ์ภายในที่เกิดขึ้นในใจเรา ในแบบที่มันเป็นโดยฝึก ไม่ไปติดป้าย หรือ ไปให้คุณค่าด้านลบหรือบวก จะช่วยให้ใจฝึกเปิดรับ สิ่งที่เกิดขึ้น โดยไม่วิพากษ์วิจารณ์ ไม่โจมตีทันที หรือ ไม่อวย แต่ธรรมชาติของใจ มักตัดสินขึ้นมาโดยอัตโนมัติการฝึกเท่าทัน "การตัดสิน" ที่เกิดขึ้นจึงเป็นสิ่งที่ช่วยให้เกิด สภาวะ "ไม่ตัดสิน" Non-judging ได้มากขึ้น <3 ทัศนคติที่ 2 ความอดทน (Patience) : การฝึกความอดทน หมายถึงการฝึกยอมรับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยไม่รีบร้อน หรือ พยายามผลักดันให้ได้ผลลัพธ์เร็วขึ้น จะช่วยให้ใจเย็นขึ้น และ สามารถรับมือกับความท้าทาย หรือ ปัญหาได้อย่างมีสติง่ายขึ้น<3 ทัศนคติที่ 3 ฝึกจิตผู้เริ่มต้น (Beginner’s mind) : คือ การฝึกใจเข้าถึงทุกช่วงเวลา ด้วยความสงสัย ใฝ่เรียนรู้ และ ด้วยความเปิดใจ ว่ากำลังมีประสบการณ์กับสิ่งนั้นเป็นครั้งแรก จะช่วยส่งเสริมการเกิดความเข้าใจในตนเองที่ลึกซึ้งขึ้น<3 ทัศนคติที่ 4 ความเชื่อมั่น (Trust): หมายถึง การเชื่อมั่นในปัญญาภายใน และ ความดีงามของชีวิต ช่วยให้เราปล่อยวาง การพยายามควบคุมสิ่งต่างๆให้ได้ดั่งใจเราและช่วยให้อยู่กับปัจจุบันได้อย่างรู้สึกมั่นคงจากภายในมากขึ้น<3 ทัศนคติที่ 5 ไม่เร่งเร้า (Non-striving) : หมายถึง การไม่เร่งเร้า โดยฝึกการอยู่กับปัจจุบันแบบไม่มุ่งหวังผลลัพธ์ที่เฉพาะเจาะจง และฝึกให้ความสำคัญกับกระบวนการมากกว่าผลลัพธ์<3 ทัศนคติที่ 6 การยอมรับ (Acceptance) : หมายถึง การยอมรับ ความคิด ความรู้สึก ความต้องการ ที่เกิดขึันแล้ว ในใจ หรือ ในกาย อย่างที่เป็น ทั้งในด้านบวก ด้านลบ ทั้งด้านที่รู้สึกดี ด้านที่รู้สึกไม่ดีทั้งด้านที่รู้สึกชอบ ด้านที่รู้สึกไม่ชอบการฝึกเปิดใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว อย่างมันเป็นจะช่วยให้ใจเกิดความเมตตาต่อตนเอง ได้มากขึ้น รวมถึงช่วยส่งเสริมความสงบในจิตใจได้ง่ายขึ้น เพราะ หลายครั้ง การที่ใจปั่นปวน มาจากการพยามยามผลักไส ความคิด ความรู้สึก ที่ใจไม่ชอบออกไปความคิด ความรู้สึก ความต้องการ เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัยเราจึงควบคุมบังคับไม่ให้มีไม่ได้ เมื่อเกิดขึ้นแล้วการเปิดใจ ยอมรับการมีอยู่ของสิ่งนี้ ในใจ หรือ ในกายอย่างที่เป็นจะช่วยให้สามารถรับมือ กับความคิด ความรู้สึก ความต้องการ ได้ดีกว่าการพยายามผลักไส <3 ทัศนคติที่ 7 การฝึกปล่อยวาง (Letting go) : การฝึกปล่อยวาง หมายถึง การฝึกไม่ไปยึดติดกับความคิด หรือ ประสบการณ์ภายในต่างๆ ที่เกิดขึ้นการปล่อยให้มันมา และ ให้มันผ่านไป ตามเหตุปัจจัยจะช่วยให้ใจรู้สึกเบาใจ และ ใจมีความสงบง่ายขึ้น และ โดยความเป็นจริง ธรรมชาติ ของความคิด อารมณ์ ความรู้สึก ความต้องการ มันจะมีลักษณะ "มา และ ไป" "มา และ ไป"..... การฝึกฝนเห็นธรรมชาตินี้บ่อยๆ จะช่วยให้ใจไม่ไปถือสา หรือ ไปยึดติดกับ ความคิด ความรู้สึก ความต้องการที่ปรากฏขึ้นเป็นขณะ ๆ#ผลของใจที่หมั่นฝึกสติ:) การทำความเข้าใจและการหมั่นฝึกฝนทัศนคติเหล่านี้จะช่วยส่งเสริม "การเจริญสติของใจ" (mindfulness) ซึ่งจะนำมาสู่การอยู่กับปัจจุบันได้อย่างเต็มที่มากขึ้นรวมถึงการมีสภาวะความเมตตาต่อตนเองได้ง่ายขึ้นซึ่งจะส่งผลให้ใจมีสุุขภาพดีขึ้น จากความทุกข์ที่ค่อยๆ ลดลงไป ในแต่ละขณะ :)บทความโดย ผศ.พญ.ทานตะวัน อวิรุทธ์วรกุล---------------------------🙂 ท่านใดสนใจติดตามรับฟังเสียงบรรยายบทความนี้ ได้ทางลิงค์นี้ค่ะhttps://youtu.be/DkrIhDocm-A---------------------------------#หมายเหตุ และ ได้รับองค์ความรู้ "7 attitudes of mindfulness"จากหนังสือ Full Catastrophe Living (1990) โดย Prof. Jon Kabat-Zinn#เข้าใจธรรมชาติชีวิต#เข้าใจธรรมชาติจิตใจ#ยิ่งโตยิ่งสุข
"ทฤษฎีจิตวิเคราะห์ กับ กระบวนการทางจิตใจของผู้เล่นเกม Squid game"ทุกพฤติกรรมล้วนมีที่มา(psychic determinism)พฤติกรรมที่ดีสุดขั้วหรือ ชั่วสุดขีด ก็เช่นกัน------------------------------------------ในบทความนี้จะนำโครงสร้างทางจิตใจ จากทฤษฎีจิตวิเคราะห์ซึ่งพัฒนาโดย ซิกมันด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud)มาอธิบายพฤติกรรมของผู้เล่นในเกม "Squid game"Theme ของ Squid Game ในทั้ง 2 ซีซั่นเป็นการเล่นเกมที่มีลักษณะ "เล่น-ลุ้น-ตาย" สมชื่อจึงเป็นเกมที่มีความโหด สะเทือนใจ สยองขวัญเพราะ ถ้าเล่นแพ้ = ตายจริงและ ผู้ชนะ มีโอกาสได้รับเงินรางวัลสูงสุดถึง 4.56 หมื่นล้านวอนหรือประมาณ 1,200 ล้านบาทด้วยเงินรางวัลที่สูงมาก ประกอบกับผู้เล่นอยู่ในวิกฤติด้านการเงินอย่างรุนแรง(ชนิดที่ ความเป็น-ตาย อาจเท่ากัน ระหว่างการอยู่ในเกม กับ การออกไปใช้ชีวิต)ความต้องการเงินจึงทวีความแสนสาหัสมากกว่าปกติจึงเป็นจุดล่อให้ผู้คนยอมเข้าร่วมเล่นเกมทั้งที่ต้องใช้ชีวิตเป็นเดิมพันและ เกมนี้เพิ่มความสยอง ด้วยการกระตุ้นสัญชาตญาณดิบของผู้เล่นในกระบวนการของเกมและ ในกระบวนการระหว่างเกมมีการออกแบบมีการวางหมาก มีการวางกับดักที่กระตุ้นความกระหายชัยชนะกระตุ้นความขัดแย้งในจิตใจกระตุ้นความขัดแย้งระหว่างผู้เล่น แบบไม่หยุด ไม่หย่อนกันเลยทีเดียวพฤติกรรมความโหดเหี้ยมจากส่วนสัญชาตญาณดั้งเดิมจึงถูกกระตุ้นขึ้นมาอย่างทวีคูณ-------------------------------------------#ทฤษฎีโครงสร้างทางจิตใจ:) โครงสร้างทางจิตใจ จากทฤษฎีจิตวิเคราะห์กับ พฤติกรรมการเล่นเกมแนวคิดนี้อธิบายแรงขับเคลื่อนในใจของตัวละคร ซึ่งแสดงออกผ่านพฤติกรรม และ การตัดสินใจที่อาจจะดีสุดขั้วหรือ อาจจะชั่วสุดขีดภายใต้สถานการณ์ที่กดดันอย่างหนักหน่วงที่มีเกมชีวิตเป็นเดิมพันทฤษฎีโครงสร้างจิตใจนี้ประกอบด้วย Id, Ego, Superego ซึ่งในทุกคนจะมี 3 ส่วนนี้แต่การแสดงออกมา ของแต่ละคน จะไม่เท่ากันตามระดับการพัฒนาทางจิตใจ ตามระดับวุฒิภาวะทางจิตใจ ตามระดับคุณธรรม ศีลธรรม ซึ่งเป็นพื้นฐานทางจิตใจที่มีในแต่ละคนไม่เหมือนกัน:) 1. Id คือ เปฺ็นส่วนที่ขับเคลื่อนด้วยสัญชาตญาณดิบ อยู่ในส่วนจิตไร้สำนึก ประกอบด้วยแรงขับทางเพศ (libidinal drive)และ แรงขับทางความก้าวร้าว (aggressive drive) เพื่อการอยู่รอด เพื่อการเอาตัวรอดและ เพื่อต้องการความสุขได้เสพสิ่งที่ตนปรารถนาได้ทำอะไรตามความพึงพอใจแบบชนิดที่ต้องได้ดั่งใจเท่านั้นแบบชนิดที่ต้องได้ตอนนี้ ที่นี่ เดี๋ยวนี้(pleasure principle) ซึ่งนำมาสู่ความอยาก...และ พฤติกรรม...ที่จะเอาสิ่งที่ต้องการให้ได้โดยไม่สนใจวิธีการว่าสร้างปัญหาอะไรหรือไม่โดยไม่สนผลกระทบใดๆ ที่จะตามมาโดยไม่สนใจว่าใครจะเดือดร้อนบ้างตัวอย่างพฤติกรรม Id ใน Squid Game คือ พฤติกรรมที่มุ่งแต่การเอาตัวรอด พฤติกรรมที่หาผลประโยชน์หรือ เอาให้ได้ตามสิ่งที่ตนต้องการโดย ไม่คำนึงถึงผลกระทบใดๆ กับผู้อื่นๆ เช่น การทำร้ายผู้อื่น การหักหลัง การทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนเพื่อให้ตนเองอยู่รอด เพื่อให้ตนเองได้ตามความต้องการเพื่อให้ตนเองได้ชัยชนะเพื่อให้ตนเองได้ผลประโยชน์แม้คนอื่นจะย่อยยับก็ตามเป็นต้น:) 2. Ego Ego คือ ตัวกลางที่พยายามจัดสมดุลระหว่าง Id กับ Superego และ กับความเป็นจริง สิ่งแวดล้อมรอบตัวโดยผ่านกระบวนการคิด วิเครราะห์ (secondary process)และ อิงเหตุและผลตามความเป็นจริง (reality principle) ตัวอย่างพฤติกรรม Ego ใน Squid game คือ พฤติกรรมที่ผู้เล่นมีการพยายามวางแผน พยายามใช้เหตุผล พยายามปรับตัวเพื่อทั้งรักษาชีวิต พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงการไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น หรือ การพยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง/การทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บ ล้มตาย โดยไม่จำเป็น เช่น การพยายามหาความร่วมมือกับผู้อื่น หรือ การพยายามอดทนการพยายามหลีกเลี่ยงการทะเลาะ การปะทะกัน เพื่อให้รอดไปด้วยกัน ในสถานการณ์นี้เป็นต้น:) 3. Superegoส่วนนี้เป็นตัวแทนของคุณธรรม ศีลธรรม (conscience) และ ภาพลักษณ์ตามมาตรฐานทางสังคม (ego ideal) พฤติกรรมที่แสดงออกของ superegoใน Squid gameคือ พฤติกรรมที่มีความเห็นอกเห็นใจ มีคุณธรรม พฤติกรรมยึดถือความถูกต้อง แม้ต้องเสี่ยงชีวิตตนเองเช่น การยอมเสียสละตนเองเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นหรือ การไม่ยอมทำผิดศีลธรรม เพื่อแลกกับการอยู่รอด/ได้ตามความปรารถนาของตนเองเป็นต้นซึ่งส่วน superego อาศัยการพัฒนาทางจิตใจระยะ oedipal (อายุ 3-5 ปี)ซึ่งบางคนมีปัญหาในการพัฒนาในระยะนี้ จึงมีความบกพร่องในส่วน superego นำมาสู่พฤติกรรมที่ไร้ศีลธรรมได้ --------------------------------#ตัวอย่างพฤติกรรมตัวอย่างพฤติกรรมของid Ego Superego ใน Squid Game :) 1. Idพฤติกรรมตัวละครที่ขับเคลื่อนด้วย Id เป็นหลักเช่นผู้เล่นที่มีพฤติกรรมโหดร้าย ทารุณ ทำเรื่องผิดศีลธรรม ฆ่าผู้อื่นอย่างไร้ความปรานีเพื่อเพิ่มโอกาสรอดของตนเอง หรือ เพื่อให้ได้สิ่งที่ตนต้องการ โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อน หรือ ขีวิตของผู้อื่น ใน squid game ซึ่งเป็นเกมที่กดดันระหว่างความเป็น-ความตายใกลักันนิดเดียวสถานการณ์ลักษณะนี้ โดยธรรมชาติจะกระตุ้นให้แรงขับเคลื่อนของ Id ซึ่งเป็นสัญชาตญาณดิบ(หรือ คนทั่วไป มักเรียกว่าด้านมืด) ออกมาได้อย่างมากมายเพราะ สิ่งมีชีวิต ในระดับสัญชาตญาณล้วนพยายามดิ้นรนเอาตัวให้รอด:) 2. Ego พฤติกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย Ego เช่น ตัวเอกของเรื่องที่ต้องปรับตัว พยายามไม่ทำร้ายคนอืน แม้จะถูกยั่วยุให้รู้สึกโกรธและ พยายามหาทางอยู่รอดในเกม ที่กดดันโดยการพยายามใช้การวางแผน การสร้างพันธมิตร การหาโอกาสที่จะรอดไปด้วยกันเป็นต้น พฤติกรรมส่วนนี้ คือ ความพยายามสมดุลระหว่างแรงขับดันสัญชาตญาณดิบจาก Id แรงขับเคลื่อนทางคุณธรรม ศีลธรรมจาก Superego และ กับสภาพแวดล้อม สถานการณ์รอบตัว :) 3. Superegoพฤติกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย Superego เช่น ตัวละครที่ยอมเสียสละตนเอง เพื่อผู้อื่นหรือ พฤติกรรมพยายามช่วยเหลือผู้อื่น แม้จะนำมาซึ่งความเดือดร้อน/ความสูญเสียให้กับตนเองก็ตามพฤติกรรมนี้ คือ การพยายามดำรงสิ่งที่ถูกต้อง สิ่งที่เป็นอุดมคติสิ่งที่เป็นคุณธรรม ความดีแม้จะอยู่ในสถานการณ์โหดร้ายที่สุดก็ตาม -----------------------------------#บทส่งท้ายในสถานการณ์ที่โหดร้ายขนาดนี้คำถามสำคัญ และ ท้าทายต่อการเข้าใจ 3 ส่วน (id, ego, superego) ในจิตใจตนเอง คือ "คุณจะทำอย่างไร เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่บีบคั้นขนาดนี้?" และ เกมชีวิตจริงที่หลายครั้งกดดันจิตใจมากมาย3 ส่วน (id, ego, superego) นี้ ในจิตใจแสดงพฤติกรรมออกมาอย่างไรบ้าง?#การเติบโตทางจิตวิญญาณในแง่การเติบโตทางจิตใจสิ่งสำคัญที่สุด ไม่ใช่การปฏิเสธส่วนใดส่วนหนึ่งแต่คือการมีสติ รับรู้เท่าทัน3 ส่วนนี้ (id, ego, superego)ที่กำลังเกิดขึ้นในจิตใจ คือ ช่วงเวลาที่ใจกลับมาสมดุลอย่างแท้จริง บทความโดย ผศ.พญ.ทานตะวัน อวิรุทธ์วรกุล#เข้าใจธรรมชาติชีวิต#เข้าใจธรรมชาติจิตใจ#ยิ่งโตยิ่งสุข-------------------------------------------:) ท่านใดสนใจรับฟังเสียงบรรยายบทความนี้สามารถรับฟังได้ทางลิงค์นี้ค่ะ :)https://www.youtube.com/watch?v=ACcDJMp9i8k
🙂 ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ครับ🙂คอร์สนพลักษณ์ขั้นพื้นฐานBasic Enneagramคอร์สเพื่อการค้นหาลักษณ์ (หรือบุคลิกภาพ)ภายในตนด้วยศาสตร์นพลักษณ์ 🙂นำมาสู่การเข้าใจตนเอง เข้าใจคนอื่นเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต------------------------------"เราเป็นคนลักษณ์ไหน ?""คนที่เรารู้จักเขาเป็นอย่างไรนะ?"ร่วมหาคำตอบได้ใน❤ คอร์สนพลักษณ์ขั้นพื้นฐาน ❤(ฺBasic Enneagram)🙂 ในวันเสาร์ที่ 1 - อาทิตย์ที่ 2 มีนาคม 2568เวลา 9.00-17.30 น.ณ Abloom Exclusive Serviced Apartments(ใกล้ BTS สนามเป้า)❤ โดยทีมวิทยากรเชี่ยวชาญศาสตร์นพลักษณ์มามากกว่า 20 ปี🙂 1. ผศ.พญ.ทานตะวัน อวิรุทธ์วรกุลจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญศาสตร์นพลักษณ์และ แนวทางการพัฒนาจิตใจเพื่อให้มีความสุขมากขึ้น(เจ้าของเพจ FB และ Youtube ยิ่งโตยิ่งสุข)🙂 2. อ.เมธี จันทราผู้เชี่ยวชาญดนตรีนพลักษณหนึ่งเดียวในประเทศไทยและ ดนตรีเพื่อการรู้จักตนเองอย่างลึกซึ้ง🙂 3. อ. กาญจณาพร มีใหญ่ เพอร์คินส์ วิทยากรนพลักษณ์ ด้านการใช้ศิลปะเพื่อการรู้จักตัวเอง และ การเติบโต🙂 และ ผู้ช่วยวิทยากรคุณทศวรรษ สุรเดชาสกุล-------------------------------------------------🙂 สิ่งที่ท่านจะได้รับจากคอร์สนี้ท่านจะ❤ 1. ได้ทราบว่าตนเองมีบุคลิกภาพแบบลักษณ์ (type) ไหน ❤ 2. รู้จักและเข้าใจตนเอง และ ผู้อื่น อย่างลึกซึ้ง- เข้าใจถึงที่มาของพฤติกรรม ความคิด ความต้องการ และ แรงผลักดันข้างใน❤ 3. รู้จักจุดแข็ง-จุดอ่อนในตนเอง และ เข้าใจที่มาของจุดแข็ง-จุดอ่อนในตนเองนำมาสู่การปรับสมดุลในตนเอง❤ 4. ได้แนวทางพัฒนาคุณภาพชีวิตและ แนวทางพัฒนาความสัมพันธ์จากความเข้าใจตนเอง และ ผู้อื่นมากขึ้น---------------------------------------------------🙂 ค่าลงทะเบียนท่านละ 5,900 บาท❤ พิเศษ : ลดเหลือท่านละ 5,600 บาท 🙂เมื่อท่านสมัครภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568หรือ สมัครตั้งแต่ 2 ท่านขึ้นไป🙂 รวม อาหารกลางวัน(บุฟเฟ่ต์) 2 มื้อ และ อาหารว่าง 4 มื้อพร้อมหนังสือนพลักษณ์ 1 เล่ม และ เอกสารประกอบการอบรม 🙂-----------------------------------------------------🙂 สนใจสอบถามรายละเอียดได้ทางลิงค์LINE OFFICIAL : @504jcaldหรือ ทางลิงค์นี้ https://lin.ee/Pfw3uGoหมายเหตุ :🙂 รับจำนวนจำกัด😃ขอบคุณครับAdmin#enneagram#นพลักษณ์------------------------------------------❤ ท่านใดสนใจรับฟังเสียงบรรยายการประชาสัมพันธ์เกี่ยวคอร์สนี้ รับฟังได้ทางลิงค์นี้ ❤https://www.youtube.com/watch?v=yZbeo40Gems------------------------------------------#enneagram#นพลักษณ์#เข้าใจธรรมชาติชีวิต#เข้าใจธรรมชาติจิตใจ#ยิ่งโตยิ่งสุข
"เมื่อใจว้าวุ่น ควรดูแลใจอย่างไร?"เมื่อจิตใจมีความว้าวุ่น หรือ มีความไม่สงบเกิดขึ้นแนวทางการดูแลจิตใจมีดังนี้ 1. ฝึกสติและสมาธิ- หายใจเข้า- ออก แบบ ลึก ๆ ช้า ๆ.... (อาจใช้การหลับตาช่วยเพิ่มเติม)- พาใจที่กำลังว้าวุ่น ให้มาสนใจที่ลมหายใจเข้าและออกแทนการคิดฟุ้งซ่าน- จะช่วยให้ใจกลับสู่ปัจจุบันขณะ - จะช่วยให้ใจจะค่อยๆ ลดความรู้สึกว้าวุ่นลงทีละเล็กทีละน้อย- จะช่วยให้ใจค่อยๆ เย็นขึ้น- เนื่องจาก จังหวะที่ใจ หันมาสนใจที่ลมหายใจ แทนการไปวุ่นวายตามความคิด...- ใจจะค่อยๆ ปั่นป่วนน้อยลงๆ ... - ตั้งสติ รับฟังความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจว่า "ตอนนี้ใจกำลังรู้สึกอะไร" รับฟังสิ่งที่เกิดขึ้นในใจอย่างอ่อนโยน2. เขียนระบาย ความคิด ความรู้สึก- เขียนบันทึกความคิด ความรู้สึกที่เกิดขึ้น ในขณะนี้ - จะช่วยระบายความตึงเครียด- ช่วยทำให้เกิดความเข้า"ใจ" ใจตนเองมากขึ้นทุกพฤติกรรมล้วนมีที่มาความรู้สึกปั่นป่วนก็เช่นกันความเข้าใจ "ใจ" จะช่วยให้เราดูแลใจได้อย่างเหมาะสมเพราะความรักอย่างเดียวไม่พอต้องมี "ความเข้าใจ" ด้วยการดูแลใจตนเองก็เช่นกัน :) 3. ขยับร่างกายเบาๆ บ่อยๆ - การเคลื่อนไหวร่างกายเบาๆ เช่น เดินเล่น โยคะ หรือ วิ่งเบา ๆ - จะช่วยระบายพลังงานลบ- จะช่วยทำให้สมองปลอดโปร่งเมื่อร่างกายขยับจิตจะค่อยๆ นิ่งขึ้น 4. หากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย สไตล์เราแต่ละคนมีจริตความชอบไม่เหมือนกันทำกิจกรรมที่เป็นสไตล์เราที่ใจรู้สึกดี และ ผ่อนคลาย ในแบบที่ healthyเช่น - ฟังเพลงเบา ๆ พาใจผ่อนคลาย- เดิมชมธรรมชาติ ช่วยให้ใจเบิกบาน เช่น ชมต้นไม้ ดอกไม้ เดินในสวน เป็นต้น- อ่านหนังสือที่ช่วยให้ใจสบาย- ทำงานศิลปะ เช่น ระบายสี วาดภาพ เป็นต้น5. ปรึกษาคนที่ไว้วางใจ- บอกเล่าความรู้สึกกับคนใกล้ชิด หรือ - ขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักจิตวิทยา หรือ จิตแพทย์- บางครั้ง การเก็บไว้ในใจ จะยิ่งเพิ่มความว้าวุ่น- เพราะ ยิ่งคิด จิตก็ยิ่งปรุงแต่ง ไปในแง่ลบมากขึ้นๆ - การหมกมุ่นหมุนวนกับความคิดอยู่คนเดียว- จะเหมือนมีพายุความคิดหมุนวนในสมอง และ ในใจ- จนใจเกิดความว้าวุ่นได้มากๆ - การได้บอกใครสักคน (ที่เราไว้ใจ)หลายครั้งช่วยให้ใจรู้สึกสงบ ผ่อนคลายขึ้นได้ และ - หลายครั้งได้ทางออกอย่างที่ตอนคิดวนๆ อยู่คนเดียว ไปไม่ถึง6. ดูแลร่างกาย- ร่างกาย เป็นองค์ประกอบสำคัญของจิตใจ- การดูแลร่างกายให้แข็งแรงเป็นส่วนสนับสนุนสุขภาพใจที่แข็งแรงมากขึ้น เช่น- พักผ่อนให้เพียงพอ- ทานอาหารที่มีประโยชน์- ดื่มน้ำให้เพียงพอ- ออกกำลังกายสม่ำเสมอเป็นต้น7. ทบทวน และ เท่าทัน ความคิด - สังเกตว่าภายใต้ "ความรู้สึกว้าวุ่น"มีความคิดอะไร ที่ผลักดันอยู่ จนเป็นเหตุให้ใจว้าวุ่น- การเท่าทัน "ความคิด"จะช่วยลดการเป็น "ทาสความคิด"- เพราะ ในความเป็นจริง ใจ "ไม่ต้องเชื่อทุกสิ่งที่สมองคิด"- เพราะ สมองมีลักษณะ autopilot คือ คิดไปเรื่อยไปเปื่อย...- หมั่นเตือนตนเองว่าเรื่องราวต่าง ๆ มักเปลี่ยนแปลงได้เสมอสิ่งที่เรารู้สึกกังวลก็เช่นกัน - กลับมาตั้งหลัก และ โฟกัสในส่วนที่เราจัดการได้ และ ฝึกปล่อยวางในสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้---------------------------------------หากความรู้สึกว้าวุ่นเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และ รู้สึกว่าเป็นเรื่องยากที่จะจัดการ แนะนำการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต เช่น จิตแพทย์ หรือ นักจิตวิทยา เพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติมค่ะบทความโดย ผศ.พญ.ทานตะวัน อวิรุทธ์วรกุล :) ท่านใดสนใจรับฟังเสียงบรรยายบทความนี้ ติดตามรับฟังได้ทางลิงค์นี้ค่ะ :) https://www.youtube.com/watch?v=yDCbfgNNb6k#เข้าใจธรรมชาติชีวิต#เข้าใจธรรมชาติจิตใจ#ยิ่งโตยิ่งสุข --------------------------------------#หมายเหตุท่านใดต้องการพบปรึกษากับจิตแพทย์สามารถดูรายละเอียด "รวมรายชื่อ โรงพยาบาล และ คลินิกที่มีจิตแพทย์ทั่วประเทศ" ได้ทางลิงค์นี้ค่ะ https://web.facebook.com/photo/?fbid=2011213002316039&set=a.499791366791551&locale=th_TH--------------------------------------เครดิตภาพ : ขอบคุณภาพ ว้าวุ่น จาก https://inside-out-emotions.fandom.com/wiki/Anxiety
เมื่อวันที่เราทำสิ่งที่ผิดพลาดไปการให้อภัยตัวเองเป็นเรื่องสำคัญบางครั้งในชีวิต ความผิดพลาดทำให้ทำใจได้ยาก หรือ ทำใจไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นรู้สึกขมขื่น ผิดหวังกับอดีตซึ่งสิ่งเหล่านี้ จะฉุดรั้งให้เข้าไปอยู่ในวังวนแห่งความเศร้าโศก การตั้งสติ และ กลับมาเห็นคุณค่าของปัจจุบันขณะ จะช่วยให้สลัดความรู้สึกเก่าๆ ทิ้งไปได้การลืมตาดูไปรอบๆ สิ่งที่มีอยู่ขณะนี้ ดูดีๆ ยังมีสิ่งดีๆ เหลืออยู่ ใส่ใจสิ่งที่มีอยู่ และ ในขณะนี้เรายังมีโอกาสที่ดี ที่จะดูแลสิ่งที่มีเหล่านี้ ในมุมกลับ ถ้ายังพะวงอยู่กับความผิดพลาดในอดีตมากเกินไปอาจส่งผลทำให้ไม่ได้ดูแลรักษาสิ่งที่มีอยู่ในตอนนี้และ อาจทำให้อนาคตอาจจะเกิดการสูญเสียสิ่งที่คุณยังสามารถดูแลรักษาได้ ไปอย่างน่าเสียดาย แม้เรื่องนั้นจะเป็นเรื่องใหญ่ ส่งผลกระทบต่อชีวิตและจิตใจการให้อภัยตัวเอง ก็ยังเป็นสิ่งที่สำคัญเสมอเพื่อให้ชีวิตก้าวต่อไปได้อย่างมีคุณภาพ และ อย่างดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพราะ อนาคต เป็นผลจากวันนี้เหมือนที่วันนี้ ก็เป็นผลมาจากอดีต เราไม่สามารถกลับไปแก้อดีตได้เราทำได้ คือ ทำวันนี้ ให้ดีที่สุดเพื่อพรุ่งนี้ และ อนาคตที่ดี#ทุกความผิดพลาดคือความตระหนักรู้บทความโดย ผศ.พญ.ทานตะวัน อวิรุทธ์วรกุล-----------------------------------รับฟังเสียงบรรยายได้ทางhttps://www.youtube.com/watch?v=RXwJ8-8TeRs #เข้าใจธรรมชาติชีวิต#เข้าใจธรรมชาติจิตใจ#ยิ่งโตยิ่งสุข
"ความเมตตากรุณาต่อตนเอง (self-compassion)"ในวันที่รู้สึกย่ำแย่การสามารถรักและเมตตาตนเองได้ เป็นสิ่งที่มีความหมายมากค่ะเพราะในวันที่ต้องเจอกับความผิดพลาด ผิดหวัง พบกับความเจ็บปวดชอกช้ำพลังของความรักความเมตตาจากตนเองจะโอบอุ้มใจเราไม่ให้บอบช้ำมากนักค่ะพลังของความรักความเมตตาจากตนเองจะช่วยทำให้จิตใจ อบอุ่น นุ่มนวลเพราะ จิตใจสัมผัสได้ถึง พลังอ่อนโยนที่ส่งเข้ามาปลอบโยนจิตใจค่ะ.ความรักความเมตตาจากตนเองเป็นความรักที่ประกอบไปด้วย1. การยอมรับ2. การเข้าใจตนเองอย่างที่เป็น3. ไม่ตัดสินตนเอง ไม่ด่าทอจิกตีตนเอง ไม่เหยียดหยามตนเอง ไม่เหยียบย่ำซ้ำเติมตนเอง4. พร้อมให้อภัยตนเอง ด้วยความเข้าใจ(แต่ไม่ใช่การเข้าข้างตนเอง ไม่ใช่การสปอล์ยตนเองคือ ถ้าเราทำผิด รู้ว่าผิด และมาทำความเข้าใจ ให้อภัยและ เริ่มต้นใหม่ เพื่อหาทางแก้ไขให้ดีขึ้นด้วยความรักความเมตตา)5. ส่งพลังดีๆ ให้กับตนเองเช่น ส่งความรัก ความอบอุ่น ความปรารถนาดีให้กับตนเองพลังดีๆเหล่านี้จะช่วยให้จิตใจอบอุ่น และ มีพลังในการกลับมาใช้ชีวิตดีๆต่อไปค่ะบทความโดย ผศ.พญ. ทานตะวัน อวิรุทธ์วรกุล------------------------------------- สามารถรับฟังเสียงบรรยายได้ทางhttps://www.youtube.com/watch?v=1x429I2DNxg
"เมื่อรู้สึกเศร้า"ควรดูแลจิตใจอย่างไร?เมื่อเกิดความรู้สึกเศร้า การดูแลจิตใจอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อจะช่วยให้ใจเรา สามารถรับมือกับช่วงเวลาที่รู้สึกยากลำบากนี้ได้อย่างดีต่อใจ :)------------------------<3 9 แนวทางที่ดีต่อใจ <3 ดังนี้:) 1. การยอมรับและการเผชิญกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นสิ่งสำคัญลำดับแรก คือ การยอมรับความรู้สึกเศร้าที่เกิดขึ้นการไม่พยายามเก็บกด หรือ ปฏิเสธความรู้สึกนั้น การปล่อยให้ตัวเองได้รับรู้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง การเผชิญกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น โดยไม่ไปปิดกั้นความรู้สึกจะช่วยให้ใจเรารู้สึกปลอดโปร่ง สงบกว่า และ ลดภาวะการสะสมอารมณ์ด้านลบ:) 2. การให้เวลากับตนเองความเศร้า เค้าต้องการเวลาในการบรรเทา อย่ากดดันใจ หรือ เร่งรัดใจว่าต้องรีบหายเศร้าเร็วๆแต่ควรให้เวลากับใจตนเอง ในการรับรู้ความรู้สึกนี้ และปล่อยให้ใจค่อยๆ ฟื้นตัว ตามจังหวะธรรมชาติของใจ:) 3. การพูดคุยกับใครสักคนที่สามารถพูดคุยได้การได้พูดคุยและระบายความรู้สึกกับคนที่เราไว้ใจเช่น เพื่อน ครอบครัว หรือ กับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตใจ เช่น จิตแพทย์ หรือ นักจิตวิทยาจะช่วยให้เราไม่รู้สึกโดดเดี่ยว และช่วยลดภาวะหนักใจและ การได้พูดออกมาหลายครั้งจะช่วยให้เราเห็นมุมมองใหม่ ซึ่งเป็นการช่วยให้เกิดปัญญาทางใจและ ช่วยทำให้ใจรู้สึกดีขึ้น:) 4. การฝึกรับรู้ลมหายใจเข้า-ออก (Breathing Exercise) และ การฝึกสติรู้ตัว (Mindfulness)การฝึกรับรู้การหายใจเข้า-ออก ลึก ๆ ช้า ๆ และ การฝึกสติรู้ตัว จะช่วยให้ใจเรามีสมาธิอยู่กับปัจจุบันและช่วยให้ใจลดภาวะความคิดฟุ้งซ่านที่เกิดจากการคิดวนเวียนอยู่กับความเศร้า สติ (Mindfulness)จะช่วยให้ใจมองเห็น "ความรู้สึกเศร้าอย่างเป็นกลาง"และ"ลดภาวะใจจมอยู่ในความคิดลบ":) 5. การทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์ช่วยบรรเทาความเครียดเช่น การออกกำลังกาย การฟังเพลงที่ทำให้ใจรู้สึกผ่อนคลอายการดูหนังที่สร้างแรงบันดาลใจ การทำกิจกรรมสร้างสรรค์อื่นๆเช่น วาดรูป ทำอาหาร เป็นต้นจะช่วยให้จิตใจรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นและ ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของใจ จากความเศร้าได้:) 6. การเขียนบันทึก การจดบันทึกความรู้สึกการเขียนบันทึกเป็นการระบายอารมณ์ความรู้สึกอีกรูปแบบหนึ่ง การจดบันทึกช่วยให้เราเห็นภาพรวมของความคิดและความรู้สึกที่เกิดขึ้นซึ่งจะทำให้เราเกิดความเข้าใจในหลายสิ่งดังนี้- เข้าใจตนเองว่า เพราะอะไรใจเราจึงรู้สึกเศร้ากับเรื่องที่เกิดขึ้น ที่มาของความรู้สึกเศร้าในใจเรา เกิดจากอะไร- เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นมากขึ้นซึ่งอาจนำมาสู่การแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมมากขึ้น:) 7. การดูแลสุขภาพกายความเชื่อมโยงระหว่างกายและใจเป็นสิ่งสำคัญมากในช่วงที่รู้สึกเศร้า การพักผ่อนให้เพียงพอ การทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายจะช่วยให้สมองปล่อยสารเคมีที่ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น เช่น สารเอนดอร์ฟิน ซึ่งจะช่วยบรรเทาความรู้สึกเศร้าได้:) 8. การให้กำลังใจตัวเองและ การเป็นเพื่อนที่ดีกับตนเองการพูดคุยกับตัวเองในเชิงบวกการส่งพลังใจดีๆ ให้ตนเองเช่น การให้กำลังใจตนเองว่า "ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอนะ""ฉันจะไม่ทิ้งเธอไปไหนนะ""ฉันเข้าใจเธอนะ""ฉันเป็นกำลังใจให้เธอนะ"“เราจะผ่านมันไปด้วยกันนะ” "ทุกคนย่อมมีวันที่เศร้าได้นะ" "ฉันเชื่อว่าทุกอย่างะค่อยๆดีขึ้นนะ” "ฉันรักเธอนะ""ฉันภูมิใจในเธอนะ"เป็นต้นการเป็นเพื่อนที่ดีกับตัวเองจะช่วยให้เรามีแรงใจมากขึ้นอย่างมากและ คนที่เกิดมาเพื่อเป็นเพื่อนที่ดีกับเราจริงๆ คือ ตัวเราเองอย่าลืม "เป็นกัลยาณมิตร กับตนเอง":) 9. การลดการใช้อินเทอร์เน็ตหรือโซเชียลมีเดียในช่วงที่รู้สึกเศร้า การเห็นชีวิตของคนอื่น (ซึ่งคนมักจะลงแต่ด้านดีๆ ของตนเองในโลกโซเชียล)จะทำให้ใจเราเกิดการเปรียบเทียบและกลับมารู้สึกแย่กับตนเอง โดยใช่เหตุเรียกว่า ภาวะทุกข์ฟรีการลดการใช้งานโซเชียลมีเดียสักระยะจะช่วยให้ใจเราไม่จมอยู่ในความคิดเชิงลบและนำเวลามาดูแลตนเองอย่างสร้างสรรค์ดังในข้อ 1-8 ข้างต้น ----------------------------------#บทส่งท้ายการดูแลจิตใจในช่วงที่เศร้าอย่างเหมาะสมเป็นการให้โอกาสใจตัวเองในการพักฟื้น เมื่อเราผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไป ใจเราจะเข้มแข็งมากขึ้นใจเราจะเกิดการเติบโตมากขึ้นจากความเข้าใจตนเอง เข้าใจโลก เข้าใจชีวิต มากขึ้นซึ่งเป็นปัญญาทางจิตใจที่มีคุณค่าอย่างมากบทความโดย ผศ.พญ.ทานตะวัน อวิรุทธ์วรกุล#เข้าใจธรรมชาติชีวิต#เข้าใจธรรมชาติจิตใจ#ยิ่งโตยิ่งสุข -----------------------------#หมายเหตุท่านใดต้องการพบปรึกษากับจิตแพทย์สามารถดูรายละเอียด "รวมรายชื่อ โรงพยาบาล และ คลินิกที่มีจิตแพทย์ทั่วประเทศ" ได้ทางลิงค์นี้ค่ะ https://web.facebook.com/photo/?fbid=2011213002316039&set=a.499791366791551&locale=th_TH---------------------------:) ท่านใดสนใจรับฟังเสียงบรรยายบทความนี้ สามารถรับฟังได้ทางลิงค์นี้ค่ะ :)https://www.youtube.com/watch?v=yzXMTvesdzo&lc=UgyvpNXQuQNjBXDB1454AaABAg----------------------------------เครดิตภาพ Sadness : https://www.indiewire.com/features/general/immersed-in-movies-phyllis-smith-talks-the-joy-of-playing-sadness-in-pixars-inside-out-123281/