วันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2568

ภาวะศรัทธาในตัวเอง ต่างจาก ภาวะหลงตัวเองอย่างไร? และแนวทางการดูแลจิตใจที่เหมาะสม โดย พญ.ทานตะวัน

 



ภาวะศรัทธาในตัวเอง
ต่างจาก
ภาวะหลงตัวเองอย่างไร?

"เรียนรู้...เพื่อเข้าใจ"🙂

ศรัทธาในตัวเอง
กับ
หลงตัวเอง

ล้วนแล้วแต่เป็นสภาวะ
ซี่งสามารถแปรเปลี่ยนไปมาได้
ตามเหตุปัจจัย
ของขีวิตและจิตใจ

การรู้จักสภาวะแต่ละอย่าง

เพื่อการเข้าใจ
ไม่ใช่
เพื่อการตัดสิน
ตนเอง และ ผู้อื่น

การทำความรู้จัก
การทำความเข้าใจ
สิ่งที่เกิดขึ้นในใจตนเอง
คือ กุญแจสำคุญของการดูแลจิตใจอย่างถูกวิธี

รายละเอียดดังนี้

-------------------------
:) 1. ความหมาย

✍️ศรัทธาในตัวเอง
คือ
- การมองเห็นตัวเองตามจริง
ทั้งจุดแข็ง และ จุดอ่อน
- เปิดใจ และ สามารถยอมรับ
ข้อจำกัด และความผิดพลาดในตนเองได้
- เชื่อว่าตนเองมีศักยภาพที่จะเรียนรู้และเติบโต

✍️หลงตัวเอง
คือ
- การมองเห็นว่าตัวเอง "ดี"
หลายครั้งมักจะดีเกินความจริง
เพราะอยากจะรู้สึกดีกับตัวเองมากๆ
ด้วยมีชุดความเชื่อที่ว่า
จะรู้สึกดีกับตนเองได้ หรือ จะยอมรับตัวเองได้
ตัวเองต้องดี/เก่ง/เจ๋ง/เลิศแบบไร้ที่ติ
หรือ ต้องดี/เก่ง/เจ๋ง/เลิศกว่าคนอื่นๆ
เป็นต้น

- จึงมักจะปฏิเสธ
หรือ ไม่ยอมรับ
หรือ มองข้าม
ข้อบกพร่องในตนเอง
เพราะ
ถ้าเห็นจะเกิดภาวะใจร้าวราน
ใจแหลกสลาย
รับไม่ได้อย่างรุนแรง
กลไกทางใจ
จึงทำหน้าที่ให้ไม่ให้เห็น

- อาจใช้ภาพลักษณ์ที่ดูดี ชวนมอง มีเสน่ห์
หรือ นำความสำเร็จภายนอก
มาบดบังข้อบกพร่องเอาไว้
เนื่องเพราะ อยากเห็นแต่ด้านดีดี๊ของตนเองตลอดเวลา
-----------------------------------
:) 2. เมื่อทำผิดพลาด

✍️ศรัทธาในตัวเอง
- เมื่อผิดพลาดจะยอมรับ เรียนรู้ และ พร้อมปรับปรุงแก้ไข

✍️หลงตัวเอง
- มักจะโทษผู้อื่น หรือ ปัจจัยภายนอก ไว้ก่อน
เพื่อปกป้องใจไม่ให้ร้าวราน
(เพราะใจรับไม่ได้ ถ้าเกิดเห็นว่า
ฉันไม่ได้เจ๋ง/ไม่ได้เลิศ/ไม่ได้ดีอย่างที่คิด ที่หลงเอาไว้)

- มักจะไม่ยอมรับว่าตนเองมีส่วนผิด
เพราะกลัวเสียภาพลักษณ์
หรือ
หนักกว่านั้นกลัวเสีย self ว่า
ตนเองไม่ได้ดีจริงเหมือนที่ตนเอง "หลงตัวเอง" ไว้
- มักใช้การแก้ตัว
และ หาเหตุผลต่างๆ มาอธิบาย
เพื่อเข้าข้างตนเอง
เพื่อทำให้ตนเองรู้สึกดีกับตนเองต่อไป....
เพื่อดำรง "ฉันถูกเสมอ" "ฉันโอเคเสมอ"

-----------------------------
:) 3. แรงขับเคลื่อน

✍️แรงขับเคลื่อนเพื่อความศรัทธาในตัวเอง
- ขับเคลื่อนด้วยความใส่ใจในคุณค่า
และ ความมั่นคงจากภายใน
- จึงไม่ต้องการการยืนยันคุณค่าจากคนอื่น

✍️แรงขับเคลื่อนสู่การหลงตัวเอง
- ต้องการการยอมรับ/การชื่นชม/การอวยยศจากผู้อื่น
- ต้องการความรู้สึกว่าเหนือกว่า หรือ มีดีกว่าผู้อื่น
เพื่อสร้างความมั่นใจ
- ต้องการมีภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาคนอื่นเป็นอย่างมาก

-------------------
ธรรมชาติมนุษย์เป็นสัตว์สังคม
การต้องการการยอมรับ/ชื่นชมจากคนอื่น
เป็นเรื่องธรรมดาของใจมนุษย์

แต่ความหลงตัวเอง
จะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากกว่าปกติ

เพราะ ไม่สามารถเห็นคุณค่าที่มีตามจริง
เพราะ การเห็นตัวเองตามจริง
จำเป็นต้องไปเห็นข้อบกพร่องด้วย
จึงเป็นการยาก
ที่ในสภาวะหลงตัวเอง
จะสัมผัสถึงคุณค่าของตัวเองที่แท้จริงได้

เพราะการเห็นคุณค่าตัวเองที่แท้จริง
ต้องการมาจากการสามารถยอมรับตัวเอง
ในทุกอย่าง
ทั้งจุดแข็ง และ จุดอ่อน ข้อบกพร่องได้

ซึ่งความหลงตัวเอง
จะไม่สามารถยอมรับว่าตนเองมีจุดอ่อนได้เลย

-------------------------------
:) 4. ความสัมพันธ์กับผู้อื่น และ การเติบโต

✍️ศรัทธาในตัวเอง

- เปิดรับฟังความคิดเห็น และ feedback
และ นำมาไตร่ตรอง
เพื่อนำมาสู่การเข้าใจตนเอง ผู้คน สถานการณ์ ตามจริง
และ การพัฒนาตนเองที่เหมาะสม

- ความสัมพันธ์จริงใจ และ ใส่ใจ
เพราะ เป็นความสัมพันธ์ที่ให้ความสำคัญกับคุณค่า
ที่มีอยู่จริงในตนเอง และ ผู้คน
(ไม่ได้ติดอยู่ที่ภาพ)
และ
พร้อมเรียนรู้เพื่อการอยู่ร่วมกันด้วยความเข้าใจ

✍️หลงตัวเอง
- ปิดใจ/ไม่รับฟังความเห็น
ที่เห็นต่างจากตนเอง
หรือ ความเห็นที่สะเทือน "ความหลงตัว"

- ส่งผลให้ความสัมพันธ์
ไม่ได้อยู่พื้นฐานของความเข้าใจ
แต่อยู่บนพื้นฐานความถูกใจ

-------------------------
:) 5. ผลต่อใจ

✍️ศรัทธาในตนเอง
- มั่นคงจากภายใน
- มีพลังใจจากตนเอง
- จิตใจมีความแข็งแรง
ด้วยความยอมรับ และ เข้าใจตัวเอง
ตามที่เป็น
- เป็นสภาวะที่เอื้อในการเติบโตต่อไปในระดับจิตวิญญาณ
(Spiritual Growth)

✍️หลงตัวเอง
- รอคนอื่นมารับประกันคุณค่า
- ใจมีความ "เปราะบาง"
แตกร้าวง่าย เดือดดาลง่าย
เมื่อคนมาแตะข้อบกพร่อง
- ใจมักสร้างกำแพงเพื่อปกป้อง/ปกปิด
ความเปราะบางในตนเอง
เพราะ
การยิ่งปกปิดข้อบกพร่อง
การยิ่งปฏิเสธข้อบกพร่อง
การยิ่งไม่ยอมรับข้อบกพร่อง

ใจจะยิ่งเปราะบาง

เพราะในความจริง
ทุกคนย่อมมีข้อบกพร่องได้เป็นธรรมดา

การปกปิดข้อบกพร่อง
จึงเป็นการปกปิดความจริงในรูปแบบหนึ่งของใจ

และ
เป็นการปกปิดแบบอัตโนมัติจากกลไกทางจิตใจ
นำมาสู่ "การไม่สามารถยอมรับตัวเองตามจริง"

เพราะสุดท้ายความจริง ก็คือความจริง
ต่อให้ใจไม่ยอมรับ
มันก็ไม่เคยหายไป

การอยู่กับการไม่ยอมรับตนเองไปเรื่อยๆ...
คือ ใจจะยิ่งเปราะบาง และ อ่อนแอลงไปเรื่อยๆ
--------------------------
<3 "แนวทางการดูแลใจ" <3

ความศรัทธาในตัวเอง
และ
ความหลงตัวเอง

ล้วนเป็นสภาวะ
แปรเปลี่ยนได้
ตามเหตุปัจจัยทางใจ

:) สิ่งสำคัญ
ที่จะช่วยบ่มเพาะ สภาวะ "ความศรัทธาในตนเอง"

<3 1. ใจที่มีสติ
การฝึกสติ
คือ การทำความรู้จักตนเองตามจริง
ซึ่งทุกการรู้จักตนเองตามจริง
ใจจะมีความแข็งแรงมากๆขึ้น
จากความเข้าใจ และ ยอมรับตนเองได้มากขึ้นๆ

<3 2. ใจที่มีความเมตตาต่อตนเอง
การฝึกความเมตตาต่อตนเอง
คือ ความเมตตาเป็นความรักคุณภาพดี
เป็นความรัก
ที่มีความใส่ใจ
มีความเข้าใจ
มีความอ่อนโยน
มีความยอมรับตนเองตามที่เป็น

การที่ใจมีสติ และ ความเมตตาต่อตนเอง
จึงเป็นใจที่มีทั้งปัญญาจากความเข้าใจ
และ
มีทั้งความรัก ความศรัทธาในตนเอง

จากการยอมรับตัวเราอย่างที่เป็น
จากใจที่เห็นคุณค่าในตนเองได้อย่างแท้จริง

โดยไม่ติดกับภาพที่ "หลง" ยึดไว้
------------------------------
ท่านใดสนใจแนวทาง
<3 การฝึกสติ เท่าทันสภาวะในใจ
สามารถติดตามอ่านได้ทางบทความนี้ค่ะ
https://web.facebook.com/photo/?fbid=464089635976557&set=a.218683673850489
หรือ รับฟังได้ทางลิงค์นี้ค่ะ
https://youtu.be/VLEZ6nzx4F8

<3 การฝึกความรักความเมตตาต่อตนเอง
สามารถติดตามอ่านได้ทางบทความนี้
https://web.facebook.com/photo/?fbid=304139318638257&set=a.218683667183823
หรือ รับฟังได้ทางลิงค์นี้ค่ะ
https://youtu.be/Z2vvM_b5NE4

😊"รักตัวเองอย่างถูกวิธี ชีวีเป็นสุข"😊

บทความโดย ผศ.พญ.ทานตะวัน อวิรุทธ์วรกุล

--------------------------
:) ท่านใดสนใจรับฟังเสียงบรรยายบทความนี้
สามารถติดตามรับฟังได้ทางลิงค์นี้ค่ะ
https://youtu.be/C7lN-_NCKak

#เข้าใจธรรมชาติชีวิต
#เข้าใจธรรมชาติจิตใจ
#ยิ่งโตยิ่งสุข

วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2568

Enneagram: พื้นที่ปลอดภัย (Safe Zone) ของคนแต่ละลักษณ์ในศาสตร์นพลักษณ์ โดย พญ.ทานตะวัน

 

 

พื้นที่ปลอดภัย (Safe Zone) ของคนแต่ละลักษณ์
ในศาสตร์นพลักษณ์ (enneagram)

"Safe zone" หรือ "พื้นที่ปลอดภัย" ของคนแต่ละลักษณ์
คือ
- สภาพแวดล้อม/ภาวะที่ทำให้รู้สึกมั่นคง ปลอดภัย
ไม่ต้องระแวดระวัง
หรือปกป้องตนเองมากเกินไป

- ไม่ใช่แค่ที่ “ที่รู้สึกดี"
แต่เป็นที่
“ที่ใจไม่ต้องใช้กลไกป้องกันตัวหลักตลอดเวลา”

- ซึ่งจะแตกต่างกันไป
ตามแรงผลักดันหลัก(กิเลสหลักของลักษณ์)
ของแต่ละลักษณ์

ดังนี้
----------------------------
ลักษณ์ 1 คนต้องการความสมบูรณ์แบบ
แรงผลักดันหลัก (กิเลสหลักของลักษณ์)
: ความโกรธ
Safe Zone คือ
- ทุกอย่างอยู่ในความถูกต้อง
- มีความเรียบร้อยเหมาะสม
- มีมาตรฐานที่ดี และ ชัดเจน
- มีความยุติธรรม

ตัวอย่างสถานการณ์ เช่น อยู่ในที่ทำงาน หรือ ในสังคมที่มีจริยธรรมอันดี
----------------------------------
ลักษณ์ 2 ผู้ให้
แรงผลักดันหลัก (กิเลสหลักของลักษณ์)
: ความหยิ่งทะนง
Safe Zone คือ
- รู้สึกได้ว่าตนเป็นที่รัก ที่ต้องการ
-ได้รับการยอมรับและตอบรับ
จากคนสำคัญ/คนรอบข้างอย่างเห็นคุณค่า

ตัวอย่างสถานการณ์ เช่น ได้อยู่ในกลุ่มที่ชื่นชมซาบซึ้งกับการทุ่มเท มีความสำนึกบุญคุณ มีการแสดงความกตัญญู
----------------------------
ลักษณ์ 3 ผู้ใฝ่สำเร็จ
แรงผลักดันหลัก (กิเลสหลักของลักษณ์)
: ความหลอกลวง
Safe Zone คือ
- ได้รับการยอมรับ ชื่นชมในผลงานและภาพลักษณ์
- ได้แสดงศักยภาพความสามารถอย่างเต็มที่
- มีเป้าหมายให้ได้ลุย
"มุ่งมั่นได้ไกล และ มีโอกาสไปได้ถึง"

ตัวอย่างสถานการณ์ เช่น ได้อยู่ในงาน หรือ สังคมที่สามารถพิสูจน์ความสามารถและได้รับการยอมรับ ได้ผลตอบแทนที่ยอดเยี่ยม
----------------------------

ลักษณ์ 4 คนช่างฝัน
แรงผลักดันหลัก (กิเลสหลักของลักษณ์)
: ความอิจฉา
Safe zone คือ
- สามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่
- อยู่ในที่ที่ไม่ถูกเปรียบเทียบ
- มีพื้นที่ให้แสดงอารมณ์ได้อย่างอิสระ

ตัวอย่างสถานการณ์ เช่น การได้อยู่ในครอบครัว หรือ กลุ่มคนที่เข้าใจความรู้สึกซับซ้อน
----------------------------
ลักษณ์ 5 นักสังเกตการณ์
แรงผลักดันหลัก (กิเลสหลักของลักษณ์)
: ความโลภ
Safe zone คือ
- มีเวลาส่วนตัว
- มีพื้นที่ส่วนตัว
- มีข้อมูลมากเพียงพอ
- ไม่รู้สึกว่าถูกรุกร้ำหรือรบกวน

ตัวอย่าง เช่น ห้องส่วนตัว/แหล่งเรียนรู้ที่ไม่วุ่นวาย

----------------------------
ลักษณ์ 6 นักปุจฉา
แรงผลักดันหลัก (กิเลสหลักของลักษณ์)
: ความกลัว ความสงสัย
Safe zone คือ
- มีระบบที่มั่นคง
- มีเกณฑ์ที่ชัดเจน เชื่อถือได้
- มีคนที่ไว้วางใจได้
- ให้ความรู้สึกปลอดภัย (ทางกาย และ ทางจิตใจ)

ตัวอย่าง เช่น อยู่ในทีมที่มีความเชื่อมั่นในกันและกันและมีผู้นำที่ให้ความรู้สึกน่าเชื่อถือ ไว้ใจได้

----------------------------
ลักษณ์ 7 นักเสพสุดยอด
แรงผลักดันหลัก (กิเลสหลักของลักษณ์)
: ความตะกละ
Safe zone คือ
- มีอิสระและทางเลือก
- ไม่มีข้อจำกัด
- เปิดโอกาสใช้ความคิดนอกกรอบได้อย่างเต็มที่
- มีสิ่งใหม่ที่น่าสนใจให้สำรวจ
ตัวอย่าง เช่น สภาพแวดล้อมที่ยืดหยุ่น สนุก และไม่ตึงเครียดกดดัน

----------------------------
ลักษณ์ 8 เจ้านาย
แรงผลักดันหลัก (กิเลสหลักของลักษณ์)
: ความกำหนัด ความสุดๆ
Safe zone คือ
- มีอำนาจสามารถควบคุมทุกอย่างได้
- ไม่รู้สึกถูกคุกคาม
- ไม่รู้สึกถูกเอาเปรียบ
- พูดตรงไปตรงมาได้อย่างเต็มที่

ตัวอย่างสถานการณ์ เช่น อยู่ในสถานการณ์ที่มีความชัดเจน ตรงไปตรงมา และ รู้สึกเอาอยู่

----------------------------
ลักษณ์ 9 ผู้ประสานไมตรี
แรงผลักดันหลัก (กิเลสหลักของลักษณ์)
: ความเกียจคร้าน
Safe zone คือ
- ไม่มีความขัดแย้ง
- ทุกอย่างราบรื่น
- เงียบสงบ ไม่มีแรงกดดัน

ตัวอย่างสถานการณ์ เช่น อยู่ในบ้าน หรือ สังคมที่ไม่มีดราม่าให้หนักใจ

---------------------------------
#บทส่งท้าย

❤ ในความเป็นจริง
เราไม่สามารถมี safe zone จากภายนอกที่ได้ดั่งใจตลอดเวลา

❤ ดังนัันสิ่งสำคัญ
คือ การมี safe zone ที่มาจากใจเราเอง

ซึ่ง safe zone ที่แท้จริงจะเกิดขึ้นได้
ย่อมมาจากใจตนเองที่มีความเติบโต🥰

ท่านใดสนใจแนวทางการเติบโตของคนแต่ละลักษณ์
🙂 สามารถติดตามรับฟังได้ทางลิงค์นี้
https://www.youtube.com/watch?v=A8NTcBixu0I...
หรือ
🙂 สามารถอ่านบทความได้ทางลิงค์นี้ค่ะ 🙂
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.674563880698843...

บทความโดย ผศ.พญ.ทานตะวัน อวิรุทธ์วรกุล

-----------------------------
❤ ท่านใดสนใจรับฟังเสียงบรรยายบทความนี้
สามารถติดตามได้ทางลิงค์นี้
https://youtu.be/tWQtWm-aVHk

---------------
#หมายเหตุ
ท่านใดสนใจเข้ารับการอบรม
"คอร์ส Enneagram ศาสตร์เพื่อการเข้าใจตนเองและผู้อื่น"
สามารถติดต่อสอบถามได้ที่
LINE OFFICIAL : @504jcald
หรือ
ทางลิงค์นี้ https://lin.ee/Pfw3uGo ครับ

Admin 🙂

-----------------------
#enneagram
#นพลักษณ์

#เข้าใจธรรมชาติชีวิต
#เข้าใจธรรมชาติจิตใจ
#ยิ่งโตยิ่งสุข