วันศุกร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2566

ทุกข์ใหญ่-ทุกข์เล็ก ขึ้นกับทักษะทางจิตใจอะไรบ้าง ?




 "ทุกข์ใหญ่-ทุกข์เล็ก"

ในมิติทางจิตใจ
ทุกข์จะใหญ่จะเล็ก
ขึ้นกับระดับคุณภาพใจ
ขึ้นกับทักษะทางจิตใจ🙂

ทุกคนล้วนไม่อยากมี "ทุกข์"
แต่เพราะ โลก......ไม่ได้เกิดมาเพื่อเรา
“โลกจึง..... ไม่ได้ดั่งใจเรา” ทุกประการ
เราจึงทุกข์

ทุกข์จะเล็ก จะใหญ่ ขึ้นกับอะไร
ส่วนหนึ่งขึ้นกับปัจจัยภายนอก ระดับเหตุการณ์ความร้ายแรง
เหตุการณ์ยิ่งร้ายแรงมาก โอกาสที่เราจะเกิดทุกข์ใหญ่ยิ่งมาก

แต่อาจไม่ใช่ทั้งหมด...... ในมิติทางจิตใจ

หลายท่านคงเคยเห็นว่า
มีผู้คนมากมาย
ที่เขาประสบเหตุเภทภัยร้ายแรงในชีวิต
แต่หลายครั้ง
เรากลับพบว่าเขาเหล่านั้น
ยังมีแรงใช้ชีวิตได้อย่างดี
แม้หัวใจยังมีความเจ็บปวดอยู่
มีความเศร้าอยู่
แต่ก็พร้อมจะลุกขึ้นใช้ชีวิตต่อไปอย่างดี
พร้อมจะยืนหยัดในการดูแลตนเอง และ คนอื่นๆ
อย่างเข้มแข็ง อย่างสง่างาม

ขณะที่บางคน
เจอเรื่องราวที่ไม่ถึงกับประสบเหตุเภทภัยรุนแรงในชีวิต
แต่ใจเขากลับทุกข์ระทมมาก
ทุกข์กว่าคนที่เจอทุกข์ใหญ่เสียอีก

#อะไรเป็นสาเหตุ ?

ที่ทำให้ทุกข์ใหญ่ หรือ ทุกข์เล็ก ในมิติทางจิตใจที่แตกต่างกัน

ปัจจัยภายนอก.....เป็นสาเหตุได้แน่นอน
แต่ไม่ใช่คำตอบทั้งหมด

ปัจจัยภายในใจ.....กลับพบว่ามีผลอยู่ไม่น้อย

ดั่งคำโบราณบอกว่า
“สุข ทุกข์ อยู่ที่ใจ”

🙂 “สุข ทุกข์ อยู่ที่ใจ” คืออะไร ?

ก่อนอื่นทำความรู้จักว่า
ใจทำงานอย่างไรบ้าง ?
และ
ทำลักษณะไหน
ทำให้ “ใจเป็นทุกข์ ”
ทำลักษณะไหน
ทำให้ "ใจเป็นสุข"

🙂 1. ใจมีอาการตีความ หรือ แปลความ
(หรือ ภาษาสมัยนี้ เรียกว่า มโน ^^)
คนแต่ละคน
ใจและสมอง
จะตีความ แปลความ
ต่อเรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆ
ไม่เหมือนกัน
การตีความไปต่างแบบ
ย่อมมีผลกับจิตใจต่างกัน

คนที่มักตีความ หรือ มโน
เรื่องราวต่างๆ ไปทางด้านลบ
ใจก็มีโอกาสเป็นทุกข์ได้มากกว่า

เช่น เพื่อนวันนี้ไม่ทักเรา
ถ้าเราถนัดตีความด้านลบ
ใจและสมองจะแปลว่า
เพื่อนไม่ชอบหน้าเรา
เกลียดเรา
บางคนคิดเลยเถิดไปใหญ่โตว่า
เราเป็นคนไร้ค่า
เป็นคนน่ารังเกียจ....

ตีความแบบนี้เท่านั้นแหละ
ความทุกข์
ก็มาเยี่ยมมาเยือน
ที่เรือนใจทันที

❤ สิ่งที่ช่วยได้คือ
การกลับมา
รู้ทันการตีความ / รู้ทันการมโน (ทั้งด้านบวก ด้านลบ)
ก่อนที่จะถูก
ความคิดตีความ
ความคิดมโน “หลอก” เราค่ะ

- การมโนไปด้านบวกมากไป
อาจจะทำให้สุขชั่วขณะ
แต่สุดท้าย
ก็ทำให้เจ็บ....เพราะผิดหวัง
จากความจริงที่ไม่ใช่

- การมโนไปด้านลบมากไป
ทำให้ทุกข์เกินจริง
เกิดภาวะทุกข์ฟรี
ซึ่งมีทั้งแบบรู้ตัว และ ไม่รู้ตัว
บางคนทุกข์ฟรีไปเยอะมากในชีวิต จากการมโนลบ
แต่ไม่รู้ตัว
เพราะไปหลงเชื่อว่า
สิ่งที่ตนตีความ คือ ความจริง!
(OMG!)

การ "รู้ทัน"
ความคิดตีความ
การ "รู้ทัน"
งานมโนของสมอง
และ
การ "มองเห็น" มัน
ตามความเป็นจริง
คือ สิ่งดีที่สุด 😃

🙂 2. ใจมีอาการคาดหวัง

ความคาดหวัง....ยิ่งสูง
ยิ่ง......ทำให้ทุกข์มาก

เราคาดหวังอะไร
เราก็จะทุกข์จากสิ่งนั้น
เช่น
เราคาดหวังเพื่อนมาก
เราก็ทุกข์จากเพื่อนมาก

เราคาดหวังพ่อแม่มาก
เราก็ทุกข์จากพ่อแม่มาก

เราคาดหวังแฟนมาก
เราก็ทุกข์จากแฟนมาก

เราคาดหวังตัวเองมาก
เราก็ทุกข์จากตัวเองมาก

ความคาดหวังอยู่ที่ไหน
ความทุกข์ก็รออยู่ที่นั่น

ความคาดหวัง
หลายครั้งก็ก่อให้เกิดสิ่งดีๆ
เพียงแต่ก็ต้องแบกมัน
การแบบความคาดหวังไว้มากๆ
ใจจะเกิดอาการไม่ไหว
เกิดอาการหนักอกหนักใจ ><"
ที่เรียกว่า
"ความกดดัน"
"ความหนักใจ"
จนกลายเป็น
"ความท้อใจ"
"ความทุกข์ใจ"

❤ ให้ดี คือ ควรมีความคาดหวังแต่พอดีๆ
ให้พอเป็นแนวทางดำเนินชีวิต
แต่ไม่ใช่กลายเป็นความทุกข์ในชีวิต

สิ่งที่ช่วยให้ความคาดหวังมาพอดีๆ คือ

- ทบทวน
ยิ่งเมื่อว่าความคาดหวังนั้น
มักทำให้ทุกข์หนัก ทุกข์บ่อย
ต้องกลับมาทบทวนความคาดหวังนั้นว่า
- คาดหวังมากไปหรือเปล่า?
- คาดหวังเกินจริงไปหรือเปล่า ?

เมื่อรู้ตัว ฝึกปรับระดับความคาดหวังให้ "พอดีๆ ตามความเป็นจริง" มากขึ้น

🙂 3. ใจมีอาการอัตตาตัวตน

ตัวตนยิ่งสูง ความทุกข์ยิ่งมาก
ยึดทุกอย่างเป็น ”ฉัน “ เป็น “ของฉัน” ไปหมด
เช่น
ยึดตัวเอง คิดถึงแต่ตัวเอง
ยึดคน คนนี้ คนนั้นเป็นของฉัน
ยึดข้าวของ หวงข้าวหวงของ เป็นของฉัน....

ยิ่งถือกรรมสิทธิ์ “ยึดครอง” มากเท่าไหร่
“ความทุกข์ก็จะยิ่งทวีคูณ” ตามการยึดครองนะคะ

ในความเป็นจริงเราไม่ได้เป็นศูนย์กลางของโลกใบนี้
และ
โลกใบนี้ไม่ได้หมุนรอบตัวเรา

โลกใบนี้ หมุนของมันเอง
ไม่มีเรา โลกใบนี้ก็ยังหมุนต่อไปได้
การยึดตัวตนมาก
เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง
เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางมาก
จะเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดทุกข์ได้เยอะ
เพราะ เรายึดในสิ่งที่ไม่ตรงกับความจริงของโลกใบนี้

❤ สิ่งที่ช่วยได้คือ
ฝึกการปล่อยวาง
“ตัวเรา ของเรา” ลงบ้าง
เราจะพบสิ่งที่มีค่ากว่า
คือ “ความสุข” ที่ทวีคูณขึ้น
ในทันทีที่เรา "ลดอัตตาตัวตน" ลง

3 ข้อที่ผ่านมา
อาการของใจยิ่งทำงานแบบนั้นมาก จะยิ่งทุกข์มาก

❤ ส่วนในข้อที่ 4 - 6
ใจยิ่งทำงานแบบนี้มาก
ใจจะยิ่งทุกข์ลดลง...
ลองมาดูกันว่า ใจทำงานอย่างไร ?
“ทุกข์ใหญ่”
จึงกลายเป็น
“ทุกข์เล็ก”

❤ 4. ใจเกิดอาการรู้ตัว
ดังที่กล่าวข้อ 1-3 จะเห็นได้ว่า
การรู้ตัว การมีสติ

การเท่าทัน
ความคิดตีความ

การเท่าทัน
ความคาดหวัง

การเท่าทัน
การเกิดอัตตาตัวตนใหญ่โต

จะช่วยลดภาวะเป็นพิษจากสิ่งเหล่านี้

เพราะ เมื่อใจเกิดการรู้ต้วปุ๊บ
ใจจะเกิดความฉลาด

ที่จะไม่ไปหลงเชื่อ และ ยึดติดในสิ่งนั้นแบบเดิม
จนเป็นทุกข์กับมันซ้ำๆ

❤ ใจที่รู้ตัว จึงเป็นจุดเริ่มต้น
ของการ "คายทุกข์" ออกมาจากใจ

แต่ถ้าใจไม่รู้ตัว
ก็จะเกิดการ "อมความทุกข์" เข้าไปไว้ในใจเหมือนเดิม

❤ 5. ใจเกิดอาการยอมรับ

ยอมรับอะไร?
ยอมรับตามความเป็นจริง
การสามารถยอมรับสิ่งต่างๆ
ตามความเป็นจริงได้
จะทำให้ชีวิตมีความสุขขึ้น

และ แม้หลายครั้งจะเจอทุกข์ใหญ่แค่ไหนก็ตาม
แต่เมื่อยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ความทุกข์ก็ลดลงไปมาก
เพราะ หลายเรื่องเราห้ามไม่ได้
ต่อให้ไม่อยากให้เกิด
มันก็จะเกิด

การไม่ยอมรับสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้
จะยิ่งทุกข์มากขึ้นไปอีก

ดังสมการ
ความทุกข์ใจ = ความเจ็บปวด X การต่อต้าน

หลายครั้งเราไม่สามารถห้ามความเจ็บปวดได้
แต่เราลดการต่อต้านมันได้
เมื่อการต่อต้านลด
ความทุกข์ใจลด

การยอมรับ
เช่น ยอมรับว่า
โลกนี้...ไม่ได้ดั่งใจเรา
จาก “ทุกข์ใหญ่” ก็กลายเป็น “ทุกข์เล็ก” ไปได้ค่ะ

ยิ่งเราสามารถยอมรับ
สิ่งต่างๆ
ยอมรับความผิดหวัง
ในชีวิตได้มากขึ้นเท่าไร
ใจเราก็ยิ่งทุกข์น้อยลงเรื่อยๆเท่านั้น

❤ 6 . ใจมีการเรียนรู้ "ชีวิต"
วิกฤติเป็นสิ่งที่ใจไม่อยากเจอ
แต่ใจที่ได้รับการฝึกฝนมา
จะเห็นโอกาสการเรียนรู้ในวิกฤติ

ทุก ความทุกข์
ทุก ความเจ็บปวด
ให้บทเรียนชีวิตที่มีค่าเสมอ
ลองฝึกเห็นคุณค่า......ที่เราได้เรียนรู้จากความทุกข์
ความทุกข์ให้อะไรมากกว่าที่เราเห็นในตอนแรก

ลองมองมันใหม่
แล้วเราจะพบว่า
"ความทุกข์สอนอะไร
เรามากกว่าความสุข"

ทำให้เราเติบโตขึ้น
เข้มแข็งขึ้น
ใช้ชีวิตได้อย่างสมดุล
และ สวยงามมากขึ้น

จนหลายครั้ง เมื่อมองย้อนกลับไป
เราต้องขอบคุณความทุกข์นั้นๆ
ที่ทำให้เราเรียนรู้
จนเรามีสิ่งดีๆในวันนี้

สุข ทุกข์ นอกจากขึ้นกับปัจจัยภายนอก

ในมิติทางจิตใจ
ขึ้นปัจจัย 6 ข้อดังกล่าวข้างต้น
เพราะ
ในความเป็นจริงของชีวิต
หลายครั้งเราแก้ผลกระทบภายนอกไม่ได้
เพราะ มีหลายสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้
แต่เราสามารถแก้ผลกระทบภายในใจเราได้เสมอ

❤ ดังนั้น ทุกข์จะใหญ่ จะเล็ก.......
ขึ้นอยู่กับการรับมือของใจเรา 🙂

ปล.
แต่ถ้าเป็นปัญหาที่เราควบคุมได้ แนะนำให้ลงมือแก้ไข
อย่าปล่อยปละละเลย
เพราะ
การปล่อยวาง กับ
การปล่อยปละละเลยไม่เหมือนกัน

บทความโดย ผศ.พญ. ทานตะวัน อวิรุทธ์วรกุล

#เข้าใจธรรมชาติชีวิต
#เข้าใจธรรมชาติจิตใจ
#ยิ่งโตยิ่งสุข

--------------------------------
🙂 หมายเหตุ :
รายละเอียดอะไรเราควบคุมได้ และ
อะไรที่เราควบคุมไม่ได้

ดูรายละเอียดได้ดังข้างล่างนี้ค่ะ

❤ การดูแลใจเวลาเจอปัญหาที่เราควบคุมไม่ได้
คือ เวลาที่โชว์ศักยภาพทางจิตใจ

1. อะไร ที่เราควบคุมได้ (Things I Can Control)
ตัวอย่างดังในลิงค์นี้้ https://web.facebook.com/.../pcb.../543226723832560

และ

2. อะไรที่ เราควบคุมไม่ได้ (Things I Can't Control)
ตัวอย่างดังในลิงค์นี้้
https://web.facebook.com/.../pcb.../543227130499186 

ระดับการเติบโตของชาวลักษณ์ 3 ในศาสตร์นพลักษณ์

 🙂ระดับการเติบโตของชาวลักษณ์ 3 ในศาสตร์นพลักษณ์🙂




กิเลส คือ ความหลอกลวง
(การจะเป็นภาพ สวยๆ ดีๆ ในสายตาผู้คน / มวลชน
ทั้งที่ลึกๆ ยังไม่รู้ว่า ความสวย ความดี ที่แท้จริง คืออะไร)

มันจึงเป็นความหลอกลวง
เพราะ ไปยึดติดอยู่กับมายาภาพ
หลายคนเลยรู้สึก ตัวเองกลวงๆ หาแก่นของตนเองไม่เจอ
เลยวิ่งไปจับภาพที่ฉายออกไป(มายา)เหล่านั้น ว่าเป็นตัวตน

งานหลอกลวง ตนเอง จึงเกิด

และ จากการที่ให้คุณค่าจากสายตาคนอื่นมาก
งานโชว์ เรียกเรตติ้ง จึงมี

การกระหายความสำเร็จ และ การยอมรับชื่นชมจากสังคม
จึงมีปริมาณมาก

ในลักษณ์ 3 ในระดับที่หาคุณค่าที่แท้จริงของตนเองไม่เจอ
ในระดับที่จมกับชุดความเชื่อมากๆ
(บางครั้งสามารถทำได้ทุกอย่าง แม้อาจทำร้ายคนอื่น
เพื่อให้ได้ภาพความสำเร็จ และ ความสวยหรูดูดี ในสายตาผู้คน)

แต่เมื่อ 3 ที่มีคุณภาพจิตใจที่ดี
จะเป็นผู้ที่สามารถ เห็นคุณค่า เห็นคุณภาพ
และ เห็นความงามที่แท้จริง ในตนเอง เจอ

โดยการเข้าใจ และ เข้าถึง ว่า ความงามที่แท้จริง คือ อะไร ?

จะเป็นผู้ที่คลายออกจาก กิเลสการพยายามเป็นภาพสวยๆ ได้

เข้าสู่ภาวะ Authentic person
สามารถภูมิใจ ในแบบที่เป็นตนเอง

ความงาม ที่แท้จริง จึงเกิด :)

😊 ❤

บทความโดย ผศ.พญ. ทานตะวัน อวิรุทธ์วรกุล

--------------------------------
#เข้าใจธรรมชาติจิตใจ
#เข้าถึงคุณค่าของชีวิต
#ยิ่งโตยิ่งสุข

-----------------------------------------------
#enneagram
#นพลักษณ์
#การเติบโต

🙂🙂🙂🙂🙂🙂🙂🙂🙂🙂🙂
----------------------------
หมายเหตุ :
สามารถอ่านแนวทางการเติบโต จากข้อความบรรยายภาพ และ ข้อความในเมนท์ใต้ภาพ
ในลิงค์นี้ค่ะ
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1870870376260991&set=ms.c.eJw9zMENwDAMQtGNKuPYBvZfrEqq9Pr0AWJoRLhd5XjwgZBOCvWDT8G8YE0OsO7EiFM0NqCi0ZPBxrqQTLEwurC8i5K%7E%3BD8bi5ISNF1awHyA%7E-.bps.a.1869729906375038.1073741861.100000141417214&type=3&theater
----------------------------------------------

อ่าน Levels of Development Concept

"เป็น level ไหน ไม่สำคัญ เท่ากับ รู้ตัวเอง ว่ากำลังอยู่ใน level ไหนค่ะ"
ได้ที่ลิงค์นี้ค่ะ

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1871930046155024&set=a.1869729906375038.1073741861.100000141417214&type=3&theater

-----------------------------------------------
และ
สามารถอ่าน Levels of Development เวอร์ชั่น ภาษาอังกฤษได้จากลิงค์นี้ค่ะ
http://www.fitzel.ca/enneagram/levels.html

------------------------------------------------------

เครดิตภาพ : http://www.fitzel.ca/enneagram/graphics.html 





วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2566

เรียนรู้อยู่กับความกลัวด้วยความเข้าใจ

 






#เรียนรู้อยู่กับความกลัวด้วยความเข้าใจ


ในความจริงหนึ่งของชีวิต

มีสิ่งน่ากลัวมากมายอยู่จริง

และ ความกลัวช่วยให้เรารอด และ ผ่านสิ่งนั้นมาได้อย่างดีงาม
ด้วยการเตือนภัย ด้วยการให้เราระวัง ด้วยการให้เราคิดรอบคอบ
ด้วยการให้เราหลบเลี่ยงสิ่งนั้น เป็นต้น

และ มีสิ่งอีกมากมายที่ไม่ได้น่ากลัวในความเป็นจริง

แต่ความกลัวเป็นจากความคิดอัตโนมัติในหัวทำงานตีความไปเอง
รวมถึงเป็นความกลัวที่เกาะกุมหัวใจขึ้นมาอย่างจู่โจมก็มี

และ ความน่ากลัวในความคิด และในใจ
หลายครั้งกลับน่ากลัวกว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้า กลับน่ากลัวกว่าเหตุการณ์จริง

#ทางออกที่สำคัญ
คือ การลดการอยู่กับโลกความคิด และ มีวิถีลดการถูกครอบงำจากความรู้สึก
เราไม่สามารถลดความคิด และ ความรู้สึกได้โดยตรง
เพราะ ความคิด และ ความรู้สึกเป็นสิ่งธรรมชาติ เกิดตามเหตุปัจจัยเอง
แต่เราสามารถมีวิถีที่ช่วยลดดีกรีความรุนแรงของความคิด และ ความรู้สึกได้

#ด้วยการ
1. เมื่อกลัวหมั่นฟังว่าความกลัวกำลังบอกอะไรเราอยู่
เขากำลังห่วงใยเราบางอย่าง
เราฟังเขาดู และ พิจารณาว่า เขากำลังบอกอะไรเรา เขาอยากให้เราระวังอะไร เขาห่วงเราตรงไหน เขาอยากให้เราเป็นอย่างไร
ความกลัวบางทีแม้จะดูเหมือนน่ารำคาญไปบ้าง
หรือ ขว้างกั้นชีวิตเราไปบ้าง
แต่ภายใต้ความกลัว มีความปรารถนาดี มีความห่วงใย มีความอยากจะดูแลเรา ที่อยากจะเตือนเรา
เราลองฟังเขา ความกลัว เขากำลังบอกอะไรเรา
การรับฟังจะช่วยให้เราเข้าใจความปรารถนาภายในที่ซ่อนอยู่มากขึ้น
จะช่วยให้เราเข้าใจตนเองมากขึ้น และ ช่วยให้เราดูแลตนเองดีขึ้น
หลายครั้งเรารอดมาได้จนถึงวันนี้ เพราะ มีความกลัวมาเตือนเรา

2. หมั่นฝึกเท่าทันความคิด โดยการเห็นความคิดเป็นความคิด หรือ ที่เรียกว่า การฝึกสติ เท่าทัน ความคิด
เรื่องจริงเป็นอย่างไร หลายครั้งยังไม่รู้
แต่ธรรมชาติของใจ จะอินกับสิ่งที่คิด ว่าสิ่งที่คิด คือ ความจริง
นั่นคือ อาการที่เรียก "หลงความคิด"

3. หมั่นฝึกที่ไม่ต้องเชื่อทุกสิ่งที่สมองมันคิด หรือ มันตีความ
เพราะ หลายครั้งสมองคิด หรือ ตีความไปเกินเบอร์เกินจริงไปมาก
จนหลุดออกจากความเป็นจริงไปไกลสุดกู่ก็มี

4. หมั่นฝึกเผชิญกับเหตุการณ์ที่มักกระตุ้นให้กลัวกังวล
ทั้งๆที่ถ้ามองมันดีๆ มันไม่ได้เป็นเหตุการณ์ที่ต้องกลัวกังวลขนาดนั้น
การมีประสบการณ์จริง หลายครั้งจะช่วยลดความกลัวเกินเหตุได้ พร้อมกับเห็นความสามารถของตนเองมากขึ้นว่า จริงเรามีความสามารถในการจัดการสถานการณ์นี้ได้
จะช่วยให้เห็นศักยภาพในตนเองตามเป็นจริงมากขึ้น
เพราะ หลายครั้งความกลัวกังวล ทำให้เรามองไม่เห็นความสามารถที่แท้จริงของตนเอง จนกระทั่งมีโอกาสลงมือทำจึงมองเห็น
(แต่ถ้าเหตุการณ์ที่น่ากลัวจริงๆ เช่น สู้กับจระเข้ เสือ หรือ การเดินในที่เปลี่ยวๆ ตอนกลางคืน ในซอยที่มีอาชญากรรมบ่อยๆ หรือ อื่นๆ ที่น่ากลัวจริงๆ ไม่ต้องไปลองเผชิญนะคะ เหตุการณ์แบบนี้ควรรู้จักระมัดระวังดูแลตนเองค่ะ)

5. หมั่นขยับร่างกาย
การขยับร่างกาย จะช่วยลดความคิดฟุ้งซ่าน
ความคิดฟุ้งซ่าน ปรุงแต่งต่อเติมนู่นนี่ในหัวเป็นเรื่อยๆ เป็นหนึ่งในสาเหตุของความวิตกกังวลโดยใช่เหตุ
ที่เรียกว่า อาการทุกข์ เพราะ ความคิดตนเอง

6. การออกกำลังกายสม่ำเสมอ
จะช่วยทำให้ร่างกาย และ จิตใจแข็งแรงขึ้น อารมณ์แจ่มใสมากขึ้น และ ความเฉลียวฉลาดมากขึ้น จากเซลล์ในสมองทำงานดีขึ้น

7. การหมั่นฝึกสมาธิ
ใจที่มีสมาธิ จะช่วยให้ใจมีพลังมากขึ้น ช่วยลดความกลัว กังวลได้มากขึ้น

8. หมั่นฝึกมีความรัก ความเมตตาให้ตนเอง เป็นการเพิ่มกำลังใจดีๆ ให้กับตนเอง
กำลังความรักและเมตตาจากตัวเราเองจะช่วยให้เรามีกำลังใจดีๆ
ในการต่อสู้กับปัญหาได้มากขึ้น
รวมถึงการฝึกรักและเมตตาผู้อื่น
เพราะ พลังใจหลายครั้ง มาจากการที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น
เป็นความอิ่มอกอิ่มใจ
อย่างที่คำกล่าวหนึ่งบอกว่า "ความรัก มีพลังมากกว่า ความกลัว"

บทความโดย พญ. ทานตะวัน อวิรุทธ์วรกุล

#เข้าใจธรรมชาติจิตใจ
#เข้าใจธรรมชาติชีวิต
#ยิ่งโตยิ่งสุข

--------------------------------
- สามารถรับฟังเสียงบรรยายบทความนี้ได้ทาง
https://www.youtube.com/watch?v=I6mdKTBvN90 

วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

เวลาชีวิตมีน้อย ใช้สอยอย่างรู้คุณค่า

 



ชีวิตแสนสั้น
(แป๊บๆ ก็ปีใหม่แล้ว ^^)

ใช้เวลาในชีวิต
กับ
คนที่เห็นคุณค่าเรา
คนที่รักเรา
คนที่มีวุฒิภาวะทางใจที่ดี

เป็นหนึ่งในการดูแลจิตใจที่สำคัญ
เป็นหนึ่งในทักษะชีวิตที่ดีงาม
เพราะ เวลาในชีวิตมีวันหมดอายุ (แน่นอน)

เราอาจรู้ วันหมดอายุของสิ่งต่างๆ
แต่เราไม่รู้ วันหมดอายุของชีวิตเราเอง

เวลาชีวิต.... ที่มีในตอนนี้
จึงมีคุณค่ามหาศาล
ที่มีเงินเท่าไหร่ก็หาซื้อไม่ได้

ดังนั้น
คนที่เราใช้เวลาด้วย
จึงสำคัญมาก (จริงๆ) :)

<3 "Spend your limited time here with the people who bring out your shine." <3

#เข้าใจธรรมชาติชีวิต
#เข้าใจธรรมชาติจิตใจ
#ยิ่งโตยิ่งสุข

บทความโดย ผศ.พญ. ทานตะวัน อวิรุทธ์วรกุล

--------------------------------
เครดิตภาพ และ ข้อความภาษาอังกฤษ
: https://web.facebook.com/photo/?fbid=198174272709417&set=gm.859332538736204&idorvanity=196067978396000

วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

 "คุณค่าของความผิดหวัง"


ขึ้นชื่อว่าความผิดหวัง
ไม่มีใครอยากเจอ

ทั้งระดับจิตสำนึกและจิตใต้สำนึก ต้องการแต่ความสมหวัง
เพราะ ความสมหวังทำให้เรามีความสุข
ทำให้รู้สึกตัวเองมีคุณค่า รู้สึกชนะ
และ คนที่มีชีวิตที่เต็มไปด้วยความสมหวัง
จะดูดีเป็นที่ชื่นชม เป็นที่ยอมรับของสังคม ^^"

ขณะที่ความผิดหวัง ทำให้เรา เศร้า เจ็บปวด รู้สึกพ่ายแพ้
เสียความมั่นใจในตัวเอง
สังคมก็มองว่าแย่ ทำให้รู้สึกอับอาย

จึงทำให้เรายอมรับความผิดหวังได้ยาก -.-"

แต่จริงๆแล้ว ความผิดหวังให้อะไรมากกว่าที่เราคิด
ให้สิ่งที่มีคุณค่ากับชีวิต กับจิตใจ และ การเติบโตด้านใน
บางทีมีคุณค่ามากกว่าความสมหวังด้วยซ้ำ

เพราะ หลายครั้ง ความสมหวัง
ทำให้เราเสียคน ทนกับอะไรไม่ได้
บางทีทำให้เรากลายเป็นคนอ่อนแอ และ หลงตัว

ชีวิต คือ การเรียนรู้
ทุกรอยบาดแผลแห่งความผิดหวัง ให้ความรู้ใหม่ๆกับเราเสมอ

และ เป็นความรู้ใหม่ๆที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง

เพราะ ทำให้เราเติบโตขึ้น

เพราะอะไร ความผิดหวัง จึงทำให้เราเติบโตขึ้น

มีคนกล่าวว่า ที่เราผิดหวัง เพราะ เราหวังผิด...

เราหวังในสิ่งที่ผิดไปจากความเป็นจริง.... เราจึงผิดหวังนั่นเอง

ทุกรอยบาดแผลจากความผิดหวัง จึงมีค่ายิ่ง
เพราะทำให้เราได้เห็นโลกตรงตามความเป็นจริงมากขึ้น
และ เห็นตัวเองตามความเป็นจริงมากขึ้น

แม้จะเจ็บปวด แต่ทำให้เราตาสว่าง

เมื่อเราตาสว่าง ชีวิตเราก็จะสว่างขึ้นด้วย

เพราะ เราเข้มแข็งขึ้น
เราเข้าใจปัญหา่มากขึ้น
เรารู้วิธีแก้ปัญหามากขึ้น
เราเฉลียวฉลาดมากขึ้น
เราเติบโตขึ้น
และ อีกหลายอย่าง
ฯลฯ

เมื่อมองย้อนกลับไป
หลายครั้ง .... เราต้องขอบคุณความผิดหวังเหล่านั้น
ที่ทำให้เราเข้าใจโลกใบนี้มากขึัน
เข้าใจตัวเองมากขึ้น
ใช้ชีวิตได้อย่างชาญฉลาดมากขึ้น
และ ได้มาอยู่ในเส้นทางชีวิตที่เหมาะสมกับเรามากขึ้น

จนทำให้เราเป็นคนที่สมบูรณ์มากขึ้นในวันนี้ 🙂

บทความโดย
ผศ.พญ.ทานตะวัน อวิรุทธ์วรกุล

#เข้าใจโลกเข้าใจชีวิต
#ยิ่งโตยิ่งสุข

-----------------------------------------------
เครดิตภาพน้องไข่ผู้เข้มแข็ง (แม้มีรอยแผล ก็ยังลุกขึ้นยิ้มได้)
จาก : http://www.ivillage.com/questions-will-turn.../4-a-544905

------------------------------------------------
- สามารถรับฟังเสียงบรรยายได้ทาง
https://www.youtube.com/watch?v=FoNUfZl8fAc

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

 "เส้นทางการเติบโตของชาวลักษณ์ 2 (ผู้ให้)"


:) การให้ เวลา สงบเงียบ อยู่กับตัวเอง

:) การหมั่นสังเกต ความปรารถนา และ ความต้องการตนเอง

:) การหันกลับมาดูแลใส่ใจตนเองมากขึ้น

:) การหมั่นตอบสนองตนเองด้วยตนเองมากขึ้น

:) หมั่นเติมอาหารใจด้วยตนเองมากขึ้น เช่น ให้ความรัก ให้การยอมรับ ตนเอง และ เห็นคุณค่าในตนเองด้วยตนเองมากขึ้น

:) การหมั่นพูดความต้องการออกมาตรงๆ กับคนสำคัญมากขึ้น
แบบไม่ต้องรอคอยคนสำคัญมาเติมเต็ม
และ ไม่ต้องใช้การเล่นเกมเดาใจ หรือ เกมใบ้คำ หรือ เกมลองใจ
เพื่อวัดคุณค่าตนเองกับคนสำคัญ

จะเป็นสิ่งที่ทำให้ลักษณ์ 2 (ผู้ให้)
มีจิตใจที่สงบ และ สมดุลขึ้น
🙂 <3

-----------------------------------------------------

การเติบโตจะเกิดขึ้น

<3 เมื่อผูัให้ตระหนักรู้ได้ว่า เรามีความต้องการ... และ คาดหวัง...
และ หมั่นรับรู้ความต้องการและความคาดหวังที่เกิดขึ้นได้บ่อยๆ

<3 เมื่อผู้ให้กลับมาให้การดูแลตนเอง และ ใส่ใจตนเองมากขึ้น
ทั้งความต้องการทางร่างกาย และ ทางจิตใจ

<3 เมื่อผู้ให้ตระหนักได้ว่า
การจะเป็นที่รัก
ไม่ได้ ขึ้นอยู่กับการที่ต้อง "เปลี่ยนตนเอง" เพื่อให้คนรัก

<3 การลดความหยิ่งทระนงในตนเอง
โดย การหมั่น ตระหนักและยอมรับได้ว่า
ตนเองไม่ใช่คนสำคัญ ที่คนอื่นขาดไม่ได้

<3 ตระหนักรู้ได้ว่า "เราเป็นคนสำคัญ สำหรับตัวเราเสมอ"
และ มันคือสิ่งดีงามที่สุดของชีวิต

<3 ตระหนักรู้ได้ว่า อาหารใจที่เราต้องการ เช่น ความรัก การเป็นที่ยอมรับ การเป็นคนสำคัญ เราสามารถให้อาหารใจเหล่านี้ด้วยตัวเราเอง โดยไม่ต้องรอคอยใครมาให้เรา

<3 ตระหนักได้ว่า
บางครั้งการให้ความช่วยเหลือผู้อื่น
อาจกลายเป็นการเข้าไปยุ่งเกี่ยว หรือ ควบคุมคนอื่นโดยไม่รู้ตัว สามารถสร้างความอึดอัดลำบากใจให้กับผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือได้

<3 การยอมให้ตนเองเป็น"ผู้รับ" ได้ และ การบอกความต้องการตรงๆได้ เป็นเรื่องที่ดี
เป็นการกระทำที่ช่วยลดความหยิ่งทระนงในตนเองลง

<3 ตระหนักรู้ว่า การเล่นเกมเดาใจ เกมใบ้คำ เกมลองใจ กับคนสำคัญ
มีแต่บั่นทอนความรักที่มีอยู่ให้แย่ลง

การตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้
จะช่วยให้ชาวลักษณ์ 2 ผู้ให้
มีสภาวะใจ สงบ สบาย และ มั่นคง มากขึ้น 🙂

บทความโดย ผศ.พญ.ทานตะวัน อวิรุทธ์วรกุล

- สามารถรับฟังเสียงบรรยายได้ทาง
https://www.youtube.com/watch?v=P9XYvHW5S8c

#tumurinลักษณ์2ผู้เติบโต
#รู้จักให้ความสุขตนเองด้วยตนเอง

-----------------------------------------------
#เข้าใจธรรมชาติจิตใจ
#เข้าถึงคุณค่าของชีวิต
#ยิ่งโตยิ่งสุข
-----------------------------------------------
#enneagram
#นพลักษณ์
#การเติบโต

-------------------------------------------------------------
เครดิตภาพ : https://store.line.me/stickershop/product/1246457/th

วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565


 "เส้นทางการเติบโตของชาวลักษณ์ 1

(คนต้องการสมบูรณ์แบบ)"

1. การกลับมายอมรับธรรมชาติในตนเอง และ สิ่งรอบตัว

2. การฝึกฟังใจ และ ฟังร่างกาย
ว่า
-ใจและร่างกายตอนนี้เป็นอย่างไร
- รู้สึกอย่างไร
- ต้องการอะไร

เพื่อเพิ่มความเข้าใจหัวใจ
และ ร่างกายตนเองมากขึ้น
ธรรมชาติแรกของชาวลักษณ์ 1
จะอยู่กับความคาดหวัง มากกว่า ความเข้าใจ

การเติบโต คือ
การที่ชาวลักษณ์ 1 ฝึกอยู่กับการความเข้าใจมากกว่า ความคาดหวัง ได้มากขึ้น

3. การฝึกปล่อยตัวและใจให้สบายๆตามธรรมชาติที่เป็น

เมื่อฝึกฟังจิตใจ และ ฝึกฟังร่างกาย ในข้อ 2 ข้างต้นได้บ่อยๆ
จะทำให้ทำข้อ 3 นี้ได้มากขึ้นๆ

4. การฝึกยอมรับ “ความไม่สมบูรณ์แบบ” ของตนเองและคนอื่นๆ

5. การฝึกฝนการให้อภัยตนเองและคนอื่น เมื่อทำผิดพลาด

6. การฝึกที่จะรักและเมตตาตนเอง และ คนอื่น
ฝึกที่จะเห็นใจตนเอง และ คนอื่น
โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ทำให้รู้สึกผิดหวัง และ ผิดมาตรฐานที่ตั้งไว้

7. การฝึกที่จะลดละเลิกการเข้มงวด กดดันตนเอง และ คนอื่น
จนทำให้ตนเองและคนอื่นเป็นทุกข์ และ ตึงเครียด

8. การฝึกเท่าทันการยึดติดมาตรฐาน
และ อุดมคติ

9. การฝึกให้ธรรมชาติความเป็นจริงตรงหน้าเป็นศูนย์กลาง (center)
มากกว่า
มาตรฐานความควรเป็น เป็นศูนย์กลาง (center)
เพื่อใจจะได้ฝึกเปิดรับ และ เห็นธรรมชาติ มากกว่าเห็นแต่กรอบมาตรฐานความควรเป็นแบบเดิม

❤ เป็นการทำให้คนลักษณ์ 1
🙂 ใช้ชีวิตได้อย่างสมดุลย์ขึ้น
🙂 ผ่อนคลายขึ้น
🙂 นำมาสู่ความสุขสงบในใจได้มากขึ้น

------------------------------------------------------
❤ ไม่มีอะไรที่ไม่สมบูรณ์แบบ เพราะ
ทุกสิ่ง"สมบูรณ์" ใน "แบบ" ที่มันเป็นอยู่แล้ว
ตามเหตุปัจจัย

❤ แต่การคาดหวัง"ความสมบูรณ์แบบ(ที่ฝันไว้)"
มักก่อให้เกิดความเจ็บป่วย และ เจ็บปวด
ทั้งกับตัวเราเอง
และ คนรอบตัวเรา

😃 "ความสุขพร้อมเกิดเมื่อกาย และ ใจผ่อนคลาย" 😃

บทความโดย ผศ.พญ.ทานตะวัน อวิรุทธ์วรกุล

#tumurinลักษณ์1ผู้เติบโต
#มีความสุขผ่อนคลายกับธรรมชาติ
-----------------------------------------------
#เข้าใจธรรมชาติจิตใจ
#เข้าถึงคุณค่าของชีวิต
#ยิ่งโตยิ่งสุข
-----------------------------------------------
#enneagram
#นพลักษณ์
#ลักษณ์ไม่ใช่เรา
#เรียนนพลักษณ์เพื่อการเติบโต
#หาหัวใจให้เจอก็เป็นสุข



---------------------------------
- สามารถรับฟังเสียงบรรยายได้ทาง
https://www.youtube.com/watch?v=xKKw6Sgdo1Q

---------------------------------
เครดิตภาพ : https://store.line.me/stickershop/product/1246457/th