"ทฤษฎีจิตวิเคราะห์ กับ กระบวนการทางจิตใจของผู้เล่นเกม Squid game"ทุกพฤติกรรมล้วนมีที่มา(psychic determinism)พฤติกรรมที่ดีสุดขั้วหรือ ชั่วสุดขีด ก็เช่นกัน------------------------------------------ในบทความนี้จะนำโครงสร้างทางจิตใจ จากทฤษฎีจิตวิเคราะห์ซึ่งพัฒนาโดย ซิกมันด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud)มาอธิบายพฤติกรรมของผู้เล่นในเกม "Squid game"Theme ของ Squid Game ในทั้ง 2 ซีซั่นเป็นการเล่นเกมที่มีลักษณะ "เล่น-ลุ้น-ตาย" สมชื่อจึงเป็นเกมที่มีความโหด สะเทือนใจ สยองขวัญเพราะ ถ้าเล่นแพ้ = ตายจริงและ ผู้ชนะ มีโอกาสได้รับเงินรางวัลสูงสุดถึง 4.56 หมื่นล้านวอนหรือประมาณ 1,200 ล้านบาทด้วยเงินรางวัลที่สูงมาก ประกอบกับผู้เล่นอยู่ในวิกฤติด้านการเงินอย่างรุนแรง(ชนิดที่ ความเป็น-ตาย อาจเท่ากัน ระหว่างการอยู่ในเกม กับ การออกไปใช้ชีวิต)ความต้องการเงินจึงทวีความแสนสาหัสมากกว่าปกติจึงเป็นจุดล่อให้ผู้คนยอมเข้าร่วมเล่นเกมทั้งที่ต้องใช้ชีวิตเป็นเดิมพันและ เกมนี้เพิ่มความสยอง ด้วยการกระตุ้นสัญชาตญาณดิบของผู้เล่นในกระบวนการของเกมและ ในกระบวนการระหว่างเกมมีการออกแบบมีการวางหมาก มีการวางกับดักที่กระตุ้นความกระหายชัยชนะกระตุ้นความขัดแย้งในจิตใจกระตุ้นความขัดแย้งระหว่างผู้เล่น แบบไม่หยุด ไม่หย่อนกันเลยทีเดียวพฤติกรรมความโหดเหี้ยมจากส่วนสัญชาตญาณดั้งเดิมจึงถูกกระตุ้นขึ้นมาอย่างทวีคูณ-------------------------------------------#ทฤษฎีโครงสร้างทางจิตใจ:) โครงสร้างทางจิตใจ จากทฤษฎีจิตวิเคราะห์กับ พฤติกรรมการเล่นเกมแนวคิดนี้อธิบายแรงขับเคลื่อนในใจของตัวละคร ซึ่งแสดงออกผ่านพฤติกรรม และ การตัดสินใจที่อาจจะดีสุดขั้วหรือ อาจจะชั่วสุดขีดภายใต้สถานการณ์ที่กดดันอย่างหนักหน่วงที่มีเกมชีวิตเป็นเดิมพันทฤษฎีโครงสร้างจิตใจนี้ประกอบด้วย Id, Ego, Superego ซึ่งในทุกคนจะมี 3 ส่วนนี้แต่การแสดงออกมา ของแต่ละคน จะไม่เท่ากันตามระดับการพัฒนาทางจิตใจ ตามระดับวุฒิภาวะทางจิตใจ ตามระดับคุณธรรม ศีลธรรม ซึ่งเป็นพื้นฐานทางจิตใจที่มีในแต่ละคนไม่เหมือนกัน:) 1. Id คือ เปฺ็นส่วนที่ขับเคลื่อนด้วยสัญชาตญาณดิบ อยู่ในส่วนจิตไร้สำนึก ประกอบด้วยแรงขับทางเพศ (libidinal drive)และ แรงขับทางความก้าวร้าว (aggressive drive) เพื่อการอยู่รอด เพื่อการเอาตัวรอดและ เพื่อต้องการความสุขได้เสพสิ่งที่ตนปรารถนาได้ทำอะไรตามความพึงพอใจแบบชนิดที่ต้องได้ดั่งใจเท่านั้นแบบชนิดที่ต้องได้ตอนนี้ ที่นี่ เดี๋ยวนี้(pleasure principle) ซึ่งนำมาสู่ความอยาก...และ พฤติกรรม...ที่จะเอาสิ่งที่ต้องการให้ได้โดยไม่สนใจวิธีการว่าสร้างปัญหาอะไรหรือไม่โดยไม่สนผลกระทบใดๆ ที่จะตามมาโดยไม่สนใจว่าใครจะเดือดร้อนบ้างตัวอย่างพฤติกรรม Id ใน Squid Game คือ พฤติกรรมที่มุ่งแต่การเอาตัวรอด พฤติกรรมที่หาผลประโยชน์หรือ เอาให้ได้ตามสิ่งที่ตนต้องการโดย ไม่คำนึงถึงผลกระทบใดๆ กับผู้อื่นๆ เช่น การทำร้ายผู้อื่น การหักหลัง การทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนเพื่อให้ตนเองอยู่รอด เพื่อให้ตนเองได้ตามความต้องการเพื่อให้ตนเองได้ชัยชนะเพื่อให้ตนเองได้ผลประโยชน์แม้คนอื่นจะย่อยยับก็ตามเป็นต้น:) 2. Ego Ego คือ ตัวกลางที่พยายามจัดสมดุลระหว่าง Id กับ Superego และ กับความเป็นจริง สิ่งแวดล้อมรอบตัวโดยผ่านกระบวนการคิด วิเครราะห์ (secondary process)และ อิงเหตุและผลตามความเป็นจริง (reality principle) ตัวอย่างพฤติกรรม Ego ใน Squid game คือ พฤติกรรมที่ผู้เล่นมีการพยายามวางแผน พยายามใช้เหตุผล พยายามปรับตัวเพื่อทั้งรักษาชีวิต พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงการไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น หรือ การพยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง/การทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บ ล้มตาย โดยไม่จำเป็น เช่น การพยายามหาความร่วมมือกับผู้อื่น หรือ การพยายามอดทนการพยายามหลีกเลี่ยงการทะเลาะ การปะทะกัน เพื่อให้รอดไปด้วยกัน ในสถานการณ์นี้เป็นต้น:) 3. Superegoส่วนนี้เป็นตัวแทนของคุณธรรม ศีลธรรม (conscience) และ ภาพลักษณ์ตามมาตรฐานทางสังคม (ego ideal) พฤติกรรมที่แสดงออกของ superegoใน Squid gameคือ พฤติกรรมที่มีความเห็นอกเห็นใจ มีคุณธรรม พฤติกรรมยึดถือความถูกต้อง แม้ต้องเสี่ยงชีวิตตนเองเช่น การยอมเสียสละตนเองเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นหรือ การไม่ยอมทำผิดศีลธรรม เพื่อแลกกับการอยู่รอด/ได้ตามความปรารถนาของตนเองเป็นต้นซึ่งส่วน superego อาศัยการพัฒนาทางจิตใจระยะ oedipal (อายุ 3-5 ปี)ซึ่งบางคนมีปัญหาในการพัฒนาในระยะนี้ จึงมีความบกพร่องในส่วน superego นำมาสู่พฤติกรรมที่ไร้ศีลธรรมได้ --------------------------------#ตัวอย่างพฤติกรรมตัวอย่างพฤติกรรมของid Ego Superego ใน Squid Game :) 1. Idพฤติกรรมตัวละครที่ขับเคลื่อนด้วย Id เป็นหลักเช่นผู้เล่นที่มีพฤติกรรมโหดร้าย ทารุณ ทำเรื่องผิดศีลธรรม ฆ่าผู้อื่นอย่างไร้ความปรานีเพื่อเพิ่มโอกาสรอดของตนเอง หรือ เพื่อให้ได้สิ่งที่ตนต้องการ โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อน หรือ ขีวิตของผู้อื่น ใน squid game ซึ่งเป็นเกมที่กดดันระหว่างความเป็น-ความตายใกลักันนิดเดียวสถานการณ์ลักษณะนี้ โดยธรรมชาติจะกระตุ้นให้แรงขับเคลื่อนของ Id ซึ่งเป็นสัญชาตญาณดิบ(หรือ คนทั่วไป มักเรียกว่าด้านมืด) ออกมาได้อย่างมากมายเพราะ สิ่งมีชีวิต ในระดับสัญชาตญาณล้วนพยายามดิ้นรนเอาตัวให้รอด:) 2. Ego พฤติกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย Ego เช่น ตัวเอกของเรื่องที่ต้องปรับตัว พยายามไม่ทำร้ายคนอืน แม้จะถูกยั่วยุให้รู้สึกโกรธและ พยายามหาทางอยู่รอดในเกม ที่กดดันโดยการพยายามใช้การวางแผน การสร้างพันธมิตร การหาโอกาสที่จะรอดไปด้วยกันเป็นต้น พฤติกรรมส่วนนี้ คือ ความพยายามสมดุลระหว่างแรงขับดันสัญชาตญาณดิบจาก Id แรงขับเคลื่อนทางคุณธรรม ศีลธรรมจาก Superego และ กับสภาพแวดล้อม สถานการณ์รอบตัว :) 3. Superegoพฤติกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย Superego เช่น ตัวละครที่ยอมเสียสละตนเอง เพื่อผู้อื่นหรือ พฤติกรรมพยายามช่วยเหลือผู้อื่น แม้จะนำมาซึ่งความเดือดร้อน/ความสูญเสียให้กับตนเองก็ตามพฤติกรรมนี้ คือ การพยายามดำรงสิ่งที่ถูกต้อง สิ่งที่เป็นอุดมคติสิ่งที่เป็นคุณธรรม ความดีแม้จะอยู่ในสถานการณ์โหดร้ายที่สุดก็ตาม -----------------------------------#บทส่งท้ายในสถานการณ์ที่โหดร้ายขนาดนี้คำถามสำคัญ และ ท้าทายต่อการเข้าใจ 3 ส่วน (id, ego, superego) ในจิตใจตนเอง คือ "คุณจะทำอย่างไร เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่บีบคั้นขนาดนี้?" และ เกมชีวิตจริงที่หลายครั้งกดดันจิตใจมากมาย3 ส่วน (id, ego, superego) นี้ ในจิตใจแสดงพฤติกรรมออกมาอย่างไรบ้าง?#การเติบโตทางจิตวิญญาณในแง่การเติบโตทางจิตใจสิ่งสำคัญที่สุด ไม่ใช่การปฏิเสธส่วนใดส่วนหนึ่งแต่คือการมีสติ รับรู้เท่าทัน3 ส่วนนี้ (id, ego, superego)ที่กำลังเกิดขึ้นในจิตใจ คือ ช่วงเวลาที่ใจกลับมาสมดุลอย่างแท้จริง บทความโดย ผศ.พญ.ทานตะวัน อวิรุทธ์วรกุล#เข้าใจธรรมชาติชีวิต#เข้าใจธรรมชาติจิตใจ#ยิ่งโตยิ่งสุข-------------------------------------------:) ท่านใดสนใจรับฟังเสียงบรรยายบทความนี้สามารถรับฟังได้ทางลิงค์นี้ค่ะ :)https://www.youtube.com/watch?v=ACcDJMp9i8k
🙂 ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ครับ🙂คอร์สนพลักษณ์ขั้นพื้นฐานBasic Enneagramคอร์สเพื่อการค้นหาลักษณ์ (หรือบุคลิกภาพ)ภายในตนด้วยศาสตร์นพลักษณ์ 🙂นำมาสู่การเข้าใจตนเอง เข้าใจคนอื่นเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต------------------------------"เราเป็นคนลักษณ์ไหน ?""คนที่เรารู้จักเขาเป็นอย่างไรนะ?"ร่วมหาคำตอบได้ใน❤ คอร์สนพลักษณ์ขั้นพื้นฐาน ❤(ฺBasic Enneagram)🙂 ในวันเสาร์ที่ 1 - อาทิตย์ที่ 2 มีนาคม 2568เวลา 9.00-17.30 น.ณ Abloom Exclusive Serviced Apartments(ใกล้ BTS สนามเป้า)❤ โดยทีมวิทยากรเชี่ยวชาญศาสตร์นพลักษณ์มามากกว่า 20 ปี🙂 1. ผศ.พญ.ทานตะวัน อวิรุทธ์วรกุลจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญศาสตร์นพลักษณ์และ แนวทางการพัฒนาจิตใจเพื่อให้มีความสุขมากขึ้น(เจ้าของเพจ FB และ Youtube ยิ่งโตยิ่งสุข)🙂 2. อ.เมธี จันทราผู้เชี่ยวชาญดนตรีนพลักษณหนึ่งเดียวในประเทศไทยและ ดนตรีเพื่อการรู้จักตนเองอย่างลึกซึ้ง🙂 3. อ. กาญจณาพร มีใหญ่ เพอร์คินส์ วิทยากรนพลักษณ์ ด้านการใช้ศิลปะเพื่อการรู้จักตัวเอง และ การเติบโต🙂 และ ผู้ช่วยวิทยากรคุณทศวรรษ สุรเดชาสกุล-------------------------------------------------🙂 สิ่งที่ท่านจะได้รับจากคอร์สนี้ท่านจะ❤ 1. ได้ทราบว่าตนเองมีบุคลิกภาพแบบลักษณ์ (type) ไหน ❤ 2. รู้จักและเข้าใจตนเอง และ ผู้อื่น อย่างลึกซึ้ง- เข้าใจถึงที่มาของพฤติกรรม ความคิด ความต้องการ และ แรงผลักดันข้างใน❤ 3. รู้จักจุดแข็ง-จุดอ่อนในตนเอง และ เข้าใจที่มาของจุดแข็ง-จุดอ่อนในตนเองนำมาสู่การปรับสมดุลในตนเอง❤ 4. ได้แนวทางพัฒนาคุณภาพชีวิตและ แนวทางพัฒนาความสัมพันธ์จากความเข้าใจตนเอง และ ผู้อื่นมากขึ้น---------------------------------------------------🙂 ค่าลงทะเบียนท่านละ 5,900 บาท❤ พิเศษ : ลดเหลือท่านละ 5,600 บาท 🙂เมื่อท่านสมัครภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568หรือ สมัครตั้งแต่ 2 ท่านขึ้นไป🙂 รวม อาหารกลางวัน(บุฟเฟ่ต์) 2 มื้อ และ อาหารว่าง 4 มื้อพร้อมหนังสือนพลักษณ์ 1 เล่ม และ เอกสารประกอบการอบรม 🙂-----------------------------------------------------🙂 สนใจสอบถามรายละเอียดได้ทางลิงค์LINE OFFICIAL : @504jcaldหรือ ทางลิงค์นี้ https://lin.ee/Pfw3uGoหมายเหตุ :🙂 รับจำนวนจำกัด😃ขอบคุณครับAdmin#enneagram#นพลักษณ์------------------------------------------❤ ท่านใดสนใจรับฟังเสียงบรรยายการประชาสัมพันธ์เกี่ยวคอร์สนี้ รับฟังได้ทางลิงค์นี้ ❤https://www.youtube.com/watch?v=yZbeo40Gems------------------------------------------#enneagram#นพลักษณ์#เข้าใจธรรมชาติชีวิต#เข้าใจธรรมชาติจิตใจ#ยิ่งโตยิ่งสุข
"เมื่อใจว้าวุ่น ควรดูแลใจอย่างไร?"เมื่อจิตใจมีความว้าวุ่น หรือ มีความไม่สงบเกิดขึ้นแนวทางการดูแลจิตใจมีดังนี้ 1. ฝึกสติและสมาธิ- หายใจเข้า- ออก แบบ ลึก ๆ ช้า ๆ.... (อาจใช้การหลับตาช่วยเพิ่มเติม)- พาใจที่กำลังว้าวุ่น ให้มาสนใจที่ลมหายใจเข้าและออกแทนการคิดฟุ้งซ่าน- จะช่วยให้ใจกลับสู่ปัจจุบันขณะ - จะช่วยให้ใจจะค่อยๆ ลดความรู้สึกว้าวุ่นลงทีละเล็กทีละน้อย- จะช่วยให้ใจค่อยๆ เย็นขึ้น- เนื่องจาก จังหวะที่ใจ หันมาสนใจที่ลมหายใจ แทนการไปวุ่นวายตามความคิด...- ใจจะค่อยๆ ปั่นป่วนน้อยลงๆ ... - ตั้งสติ รับฟังความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจว่า "ตอนนี้ใจกำลังรู้สึกอะไร" รับฟังสิ่งที่เกิดขึ้นในใจอย่างอ่อนโยน2. เขียนระบาย ความคิด ความรู้สึก- เขียนบันทึกความคิด ความรู้สึกที่เกิดขึ้น ในขณะนี้ - จะช่วยระบายความตึงเครียด- ช่วยทำให้เกิดความเข้า"ใจ" ใจตนเองมากขึ้นทุกพฤติกรรมล้วนมีที่มาความรู้สึกปั่นป่วนก็เช่นกันความเข้าใจ "ใจ" จะช่วยให้เราดูแลใจได้อย่างเหมาะสมเพราะความรักอย่างเดียวไม่พอต้องมี "ความเข้าใจ" ด้วยการดูแลใจตนเองก็เช่นกัน :) 3. ขยับร่างกายเบาๆ บ่อยๆ - การเคลื่อนไหวร่างกายเบาๆ เช่น เดินเล่น โยคะ หรือ วิ่งเบา ๆ - จะช่วยระบายพลังงานลบ- จะช่วยทำให้สมองปลอดโปร่งเมื่อร่างกายขยับจิตจะค่อยๆ นิ่งขึ้น 4. หากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย สไตล์เราแต่ละคนมีจริตความชอบไม่เหมือนกันทำกิจกรรมที่เป็นสไตล์เราที่ใจรู้สึกดี และ ผ่อนคลาย ในแบบที่ healthyเช่น - ฟังเพลงเบา ๆ พาใจผ่อนคลาย- เดิมชมธรรมชาติ ช่วยให้ใจเบิกบาน เช่น ชมต้นไม้ ดอกไม้ เดินในสวน เป็นต้น- อ่านหนังสือที่ช่วยให้ใจสบาย- ทำงานศิลปะ เช่น ระบายสี วาดภาพ เป็นต้น5. ปรึกษาคนที่ไว้วางใจ- บอกเล่าความรู้สึกกับคนใกล้ชิด หรือ - ขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักจิตวิทยา หรือ จิตแพทย์- บางครั้ง การเก็บไว้ในใจ จะยิ่งเพิ่มความว้าวุ่น- เพราะ ยิ่งคิด จิตก็ยิ่งปรุงแต่ง ไปในแง่ลบมากขึ้นๆ - การหมกมุ่นหมุนวนกับความคิดอยู่คนเดียว- จะเหมือนมีพายุความคิดหมุนวนในสมอง และ ในใจ- จนใจเกิดความว้าวุ่นได้มากๆ - การได้บอกใครสักคน (ที่เราไว้ใจ)หลายครั้งช่วยให้ใจรู้สึกสงบ ผ่อนคลายขึ้นได้ และ - หลายครั้งได้ทางออกอย่างที่ตอนคิดวนๆ อยู่คนเดียว ไปไม่ถึง6. ดูแลร่างกาย- ร่างกาย เป็นองค์ประกอบสำคัญของจิตใจ- การดูแลร่างกายให้แข็งแรงเป็นส่วนสนับสนุนสุขภาพใจที่แข็งแรงมากขึ้น เช่น- พักผ่อนให้เพียงพอ- ทานอาหารที่มีประโยชน์- ดื่มน้ำให้เพียงพอ- ออกกำลังกายสม่ำเสมอเป็นต้น7. ทบทวน และ เท่าทัน ความคิด - สังเกตว่าภายใต้ "ความรู้สึกว้าวุ่น"มีความคิดอะไร ที่ผลักดันอยู่ จนเป็นเหตุให้ใจว้าวุ่น- การเท่าทัน "ความคิด"จะช่วยลดการเป็น "ทาสความคิด"- เพราะ ในความเป็นจริง ใจ "ไม่ต้องเชื่อทุกสิ่งที่สมองคิด"- เพราะ สมองมีลักษณะ autopilot คือ คิดไปเรื่อยไปเปื่อย...- หมั่นเตือนตนเองว่าเรื่องราวต่าง ๆ มักเปลี่ยนแปลงได้เสมอสิ่งที่เรารู้สึกกังวลก็เช่นกัน - กลับมาตั้งหลัก และ โฟกัสในส่วนที่เราจัดการได้ และ ฝึกปล่อยวางในสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้---------------------------------------หากความรู้สึกว้าวุ่นเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และ รู้สึกว่าเป็นเรื่องยากที่จะจัดการ แนะนำการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต เช่น จิตแพทย์ หรือ นักจิตวิทยา เพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติมค่ะบทความโดย ผศ.พญ.ทานตะวัน อวิรุทธ์วรกุล :) ท่านใดสนใจรับฟังเสียงบรรยายบทความนี้ ติดตามรับฟังได้ทางลิงค์นี้ค่ะ :) https://www.youtube.com/watch?v=yDCbfgNNb6k#เข้าใจธรรมชาติชีวิต#เข้าใจธรรมชาติจิตใจ#ยิ่งโตยิ่งสุข --------------------------------------#หมายเหตุท่านใดต้องการพบปรึกษากับจิตแพทย์สามารถดูรายละเอียด "รวมรายชื่อ โรงพยาบาล และ คลินิกที่มีจิตแพทย์ทั่วประเทศ" ได้ทางลิงค์นี้ค่ะ https://web.facebook.com/photo/?fbid=2011213002316039&set=a.499791366791551&locale=th_TH--------------------------------------เครดิตภาพ : ขอบคุณภาพ ว้าวุ่น จาก https://inside-out-emotions.fandom.com/wiki/Anxiety
เมื่อวันที่เราทำสิ่งที่ผิดพลาดไปการให้อภัยตัวเองเป็นเรื่องสำคัญบางครั้งในชีวิต ความผิดพลาดทำให้ทำใจได้ยาก หรือ ทำใจไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นรู้สึกขมขื่น ผิดหวังกับอดีตซึ่งสิ่งเหล่านี้ จะฉุดรั้งให้เข้าไปอยู่ในวังวนแห่งความเศร้าโศก การตั้งสติ และ กลับมาเห็นคุณค่าของปัจจุบันขณะ จะช่วยให้สลัดความรู้สึกเก่าๆ ทิ้งไปได้การลืมตาดูไปรอบๆ สิ่งที่มีอยู่ขณะนี้ ดูดีๆ ยังมีสิ่งดีๆ เหลืออยู่ ใส่ใจสิ่งที่มีอยู่ และ ในขณะนี้เรายังมีโอกาสที่ดี ที่จะดูแลสิ่งที่มีเหล่านี้ ในมุมกลับ ถ้ายังพะวงอยู่กับความผิดพลาดในอดีตมากเกินไปอาจส่งผลทำให้ไม่ได้ดูแลรักษาสิ่งที่มีอยู่ในตอนนี้และ อาจทำให้อนาคตอาจจะเกิดการสูญเสียสิ่งที่คุณยังสามารถดูแลรักษาได้ ไปอย่างน่าเสียดาย แม้เรื่องนั้นจะเป็นเรื่องใหญ่ ส่งผลกระทบต่อชีวิตและจิตใจการให้อภัยตัวเอง ก็ยังเป็นสิ่งที่สำคัญเสมอเพื่อให้ชีวิตก้าวต่อไปได้อย่างมีคุณภาพ และ อย่างดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพราะ อนาคต เป็นผลจากวันนี้เหมือนที่วันนี้ ก็เป็นผลมาจากอดีต เราไม่สามารถกลับไปแก้อดีตได้เราทำได้ คือ ทำวันนี้ ให้ดีที่สุดเพื่อพรุ่งนี้ และ อนาคตที่ดี#ทุกความผิดพลาดคือความตระหนักรู้บทความโดย ผศ.พญ.ทานตะวัน อวิรุทธ์วรกุล-----------------------------------รับฟังเสียงบรรยายได้ทางhttps://www.youtube.com/watch?v=RXwJ8-8TeRs #เข้าใจธรรมชาติชีวิต#เข้าใจธรรมชาติจิตใจ#ยิ่งโตยิ่งสุข
"ความเมตตากรุณาต่อตนเอง (self-compassion)"ในวันที่รู้สึกย่ำแย่การสามารถรักและเมตตาตนเองได้ เป็นสิ่งที่มีความหมายมากค่ะเพราะในวันที่ต้องเจอกับความผิดพลาด ผิดหวัง พบกับความเจ็บปวดชอกช้ำพลังของความรักความเมตตาจากตนเองจะโอบอุ้มใจเราไม่ให้บอบช้ำมากนักค่ะพลังของความรักความเมตตาจากตนเองจะช่วยทำให้จิตใจ อบอุ่น นุ่มนวลเพราะ จิตใจสัมผัสได้ถึง พลังอ่อนโยนที่ส่งเข้ามาปลอบโยนจิตใจค่ะ.ความรักความเมตตาจากตนเองเป็นความรักที่ประกอบไปด้วย1. การยอมรับ2. การเข้าใจตนเองอย่างที่เป็น3. ไม่ตัดสินตนเอง ไม่ด่าทอจิกตีตนเอง ไม่เหยียดหยามตนเอง ไม่เหยียบย่ำซ้ำเติมตนเอง4. พร้อมให้อภัยตนเอง ด้วยความเข้าใจ(แต่ไม่ใช่การเข้าข้างตนเอง ไม่ใช่การสปอล์ยตนเองคือ ถ้าเราทำผิด รู้ว่าผิด และมาทำความเข้าใจ ให้อภัยและ เริ่มต้นใหม่ เพื่อหาทางแก้ไขให้ดีขึ้นด้วยความรักความเมตตา)5. ส่งพลังดีๆ ให้กับตนเองเช่น ส่งความรัก ความอบอุ่น ความปรารถนาดีให้กับตนเองพลังดีๆเหล่านี้จะช่วยให้จิตใจอบอุ่น และ มีพลังในการกลับมาใช้ชีวิตดีๆต่อไปค่ะบทความโดย ผศ.พญ. ทานตะวัน อวิรุทธ์วรกุล------------------------------------- สามารถรับฟังเสียงบรรยายได้ทางhttps://www.youtube.com/watch?v=1x429I2DNxg
"เมื่อรู้สึกเศร้า"ควรดูแลจิตใจอย่างไร?เมื่อเกิดความรู้สึกเศร้า การดูแลจิตใจอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อจะช่วยให้ใจเรา สามารถรับมือกับช่วงเวลาที่รู้สึกยากลำบากนี้ได้อย่างดีต่อใจ :)------------------------<3 9 แนวทางที่ดีต่อใจ <3 ดังนี้:) 1. การยอมรับและการเผชิญกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นสิ่งสำคัญลำดับแรก คือ การยอมรับความรู้สึกเศร้าที่เกิดขึ้นการไม่พยายามเก็บกด หรือ ปฏิเสธความรู้สึกนั้น การปล่อยให้ตัวเองได้รับรู้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง การเผชิญกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น โดยไม่ไปปิดกั้นความรู้สึกจะช่วยให้ใจเรารู้สึกปลอดโปร่ง สงบกว่า และ ลดภาวะการสะสมอารมณ์ด้านลบ:) 2. การให้เวลากับตนเองความเศร้า เค้าต้องการเวลาในการบรรเทา อย่ากดดันใจ หรือ เร่งรัดใจว่าต้องรีบหายเศร้าเร็วๆแต่ควรให้เวลากับใจตนเอง ในการรับรู้ความรู้สึกนี้ และปล่อยให้ใจค่อยๆ ฟื้นตัว ตามจังหวะธรรมชาติของใจ:) 3. การพูดคุยกับใครสักคนที่สามารถพูดคุยได้การได้พูดคุยและระบายความรู้สึกกับคนที่เราไว้ใจเช่น เพื่อน ครอบครัว หรือ กับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตใจ เช่น จิตแพทย์ หรือ นักจิตวิทยาจะช่วยให้เราไม่รู้สึกโดดเดี่ยว และช่วยลดภาวะหนักใจและ การได้พูดออกมาหลายครั้งจะช่วยให้เราเห็นมุมมองใหม่ ซึ่งเป็นการช่วยให้เกิดปัญญาทางใจและ ช่วยทำให้ใจรู้สึกดีขึ้น:) 4. การฝึกรับรู้ลมหายใจเข้า-ออก (Breathing Exercise) และ การฝึกสติรู้ตัว (Mindfulness)การฝึกรับรู้การหายใจเข้า-ออก ลึก ๆ ช้า ๆ และ การฝึกสติรู้ตัว จะช่วยให้ใจเรามีสมาธิอยู่กับปัจจุบันและช่วยให้ใจลดภาวะความคิดฟุ้งซ่านที่เกิดจากการคิดวนเวียนอยู่กับความเศร้า สติ (Mindfulness)จะช่วยให้ใจมองเห็น "ความรู้สึกเศร้าอย่างเป็นกลาง"และ"ลดภาวะใจจมอยู่ในความคิดลบ":) 5. การทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์ช่วยบรรเทาความเครียดเช่น การออกกำลังกาย การฟังเพลงที่ทำให้ใจรู้สึกผ่อนคลอายการดูหนังที่สร้างแรงบันดาลใจ การทำกิจกรรมสร้างสรรค์อื่นๆเช่น วาดรูป ทำอาหาร เป็นต้นจะช่วยให้จิตใจรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นและ ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของใจ จากความเศร้าได้:) 6. การเขียนบันทึก การจดบันทึกความรู้สึกการเขียนบันทึกเป็นการระบายอารมณ์ความรู้สึกอีกรูปแบบหนึ่ง การจดบันทึกช่วยให้เราเห็นภาพรวมของความคิดและความรู้สึกที่เกิดขึ้นซึ่งจะทำให้เราเกิดความเข้าใจในหลายสิ่งดังนี้- เข้าใจตนเองว่า เพราะอะไรใจเราจึงรู้สึกเศร้ากับเรื่องที่เกิดขึ้น ที่มาของความรู้สึกเศร้าในใจเรา เกิดจากอะไร- เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นมากขึ้นซึ่งอาจนำมาสู่การแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมมากขึ้น:) 7. การดูแลสุขภาพกายความเชื่อมโยงระหว่างกายและใจเป็นสิ่งสำคัญมากในช่วงที่รู้สึกเศร้า การพักผ่อนให้เพียงพอ การทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายจะช่วยให้สมองปล่อยสารเคมีที่ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น เช่น สารเอนดอร์ฟิน ซึ่งจะช่วยบรรเทาความรู้สึกเศร้าได้:) 8. การให้กำลังใจตัวเองและ การเป็นเพื่อนที่ดีกับตนเองการพูดคุยกับตัวเองในเชิงบวกการส่งพลังใจดีๆ ให้ตนเองเช่น การให้กำลังใจตนเองว่า "ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอนะ""ฉันจะไม่ทิ้งเธอไปไหนนะ""ฉันเข้าใจเธอนะ""ฉันเป็นกำลังใจให้เธอนะ"“เราจะผ่านมันไปด้วยกันนะ” "ทุกคนย่อมมีวันที่เศร้าได้นะ" "ฉันเชื่อว่าทุกอย่างะค่อยๆดีขึ้นนะ” "ฉันรักเธอนะ""ฉันภูมิใจในเธอนะ"เป็นต้นการเป็นเพื่อนที่ดีกับตัวเองจะช่วยให้เรามีแรงใจมากขึ้นอย่างมากและ คนที่เกิดมาเพื่อเป็นเพื่อนที่ดีกับเราจริงๆ คือ ตัวเราเองอย่าลืม "เป็นกัลยาณมิตร กับตนเอง":) 9. การลดการใช้อินเทอร์เน็ตหรือโซเชียลมีเดียในช่วงที่รู้สึกเศร้า การเห็นชีวิตของคนอื่น (ซึ่งคนมักจะลงแต่ด้านดีๆ ของตนเองในโลกโซเชียล)จะทำให้ใจเราเกิดการเปรียบเทียบและกลับมารู้สึกแย่กับตนเอง โดยใช่เหตุเรียกว่า ภาวะทุกข์ฟรีการลดการใช้งานโซเชียลมีเดียสักระยะจะช่วยให้ใจเราไม่จมอยู่ในความคิดเชิงลบและนำเวลามาดูแลตนเองอย่างสร้างสรรค์ดังในข้อ 1-8 ข้างต้น ----------------------------------#บทส่งท้ายการดูแลจิตใจในช่วงที่เศร้าอย่างเหมาะสมเป็นการให้โอกาสใจตัวเองในการพักฟื้น เมื่อเราผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไป ใจเราจะเข้มแข็งมากขึ้นใจเราจะเกิดการเติบโตมากขึ้นจากความเข้าใจตนเอง เข้าใจโลก เข้าใจชีวิต มากขึ้นซึ่งเป็นปัญญาทางจิตใจที่มีคุณค่าอย่างมากบทความโดย ผศ.พญ.ทานตะวัน อวิรุทธ์วรกุล#เข้าใจธรรมชาติชีวิต#เข้าใจธรรมชาติจิตใจ#ยิ่งโตยิ่งสุข -----------------------------#หมายเหตุท่านใดต้องการพบปรึกษากับจิตแพทย์สามารถดูรายละเอียด "รวมรายชื่อ โรงพยาบาล และ คลินิกที่มีจิตแพทย์ทั่วประเทศ" ได้ทางลิงค์นี้ค่ะ https://web.facebook.com/photo/?fbid=2011213002316039&set=a.499791366791551&locale=th_TH---------------------------:) ท่านใดสนใจรับฟังเสียงบรรยายบทความนี้ สามารถรับฟังได้ทางลิงค์นี้ค่ะ :)https://www.youtube.com/watch?v=yzXMTvesdzo&lc=UgyvpNXQuQNjBXDB1454AaABAg----------------------------------เครดิตภาพ Sadness : https://www.indiewire.com/features/general/immersed-in-movies-phyllis-smith-talks-the-joy-of-playing-sadness-in-pixars-inside-out-123281/