"สมองของบุคลิก Introvert กับ บุคลิก Extrovert ต่างกันอย่างไร?"
ในแง่บุคลิก Introvert กับ บุคลิก Extrovert
มีลักษณะเป็นสเปคตรัม (spectrum)
ไม่ได้เป็นแบบ All-or -None (ขาว หรือ ดำ)
ความ I ความ E
มากน้อยต่างกันไปในแต่ละคน
เช่น
→ ชอบอยู่กับตัวเองมาก ๆ การเข้าสังคม การปฏิสัมพันธ์ทำให้เหนื่อยง่าย
(เลี่ยงได้ จะเลี่ยง)
และ ต้องการเวลามากๆ
กับการอยู่ตนเองลำพังเพื่อฟื้นพลัง
→ ชอบสังคมในบางครั้ง
แต่หลังจากนั้นต้องมีเวลาพักฟื้นกับตนเองในทุกวัน
→ กึ่งกลางระหว่าง introvert และ extrovert
(ปรับตัวได้ตามสถานการณ์)
→ ชอบสังคมมากกว่า
แต่ยังมีบ้างบางวันที่อยากอยู่เงียบ ๆ บ้าง
→ อยู่กับคนแล้วรู้สึกเติมพลังอย่างยิ่ง ต้องการปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นบ่อย ๆ
การอยู่คนเดียวลำพังเป็นเรื่องทนได้ยาก
โดยคนที่มีสัดส่วน I มากกว่า E
จัดเป็นบุคลิก Introvert
และ คนที่มี E มากกว่า I
จัดเป็นบุคลิก Extrovert
------------------------------------------
ในบทความนี้ จะพูดถึงสมองของ
บุคลิก introvert และ extrovert
มีความต่างกันอย่างไร?
ซึ่งเป็น 1 ในปัจจัย
ที่ทำให้เขามีบุคลิกภาพแบบนั้น
ประกอบด้วย 4 ส่วนดังนี้
1. ระบบตอบสนองต่อสิ่งเร้า (Arousal System)
มีระดับการกระตุ้นในสมอง (Cortical Arousal) มากกว่า
- จึงไวต่อสิ่งเร้ามากกว่า
- จึงเหนื่อยง่ายกว่าเวลาอยู่ในที่มีคนเยอะ
- การปฏิสัมพันธ์
ปฏิสัมพันธ์กับผู้คนนานๆ จะรู้สึกเหมือนถูกสูบพลัง
ปฏิสัมพันธ์กับคนไม่สนิท จะรู้สึกถูกสูบพลังมากกว่าคนสนิท
และ แม้กับการปฏิสัมพันธ์กับคนสนิท (ซึ่งถูกสูบพลังน้อยกว่าไม่สนิท)
แต่ก็ยังต้องการการกลับมาอยู่คนเดียวลำพัง
- จึงต้องการเวลาสงบ --> เพื่อฟื้นฟูพลัง
เพราะ การ 'ชาร์จแบต ต้องอาศัยพื้นที่ส่วนตัว และ การอยู่กับตัวเอง'
มี ระดับการกระตุ้นในสมองต่ำกว่า
- จึงต้องการสิ่งเร้ามากกว่า
เช่น เสียงหัวเราะ การอยู่ผู้คน การทำกิจกรรม --> เพื่อ "ชาร์จพลัง"
การปฏิสัมพันธ์กับผู้คน คือ การเติมพลัง
การอยู่กับตนเองจะรู้สึกเฉา หดหู่ ห่อเหี่ยว เหงา จนถึงทรมานก็มี
ขึ้นกับระดับความ extrovert
'ชาร์จแบต ด้วยการอยู่กับผู้คน'
----------------------------------------
2. ระบบประสาทอัตโนมัติ (Autonomic Nervous System)
มีแนวโน้มใช้ Parasympathetic Nervous System (ระบบพักผ่อนและฟื้นฟู) มากกว่า
→ จากความชอบความสงบ ช้า ลึก นิ่ง
"ร่างกายและจิตใจต้องการความเงียบ สงบ"
ใช้ Sympathetic Nervous System
(ระบบเร่งเร้าและตื่นตัว) มากกว่า
→ จากความชอบความเคลื่อนไหว การมีปฏิสัมพันธ์
ความรวดเร็ว
"ร่างกายและจิตใจ ต้องการการปะทะ...."
----------------------------------
3. เส้นทางการประมวลผลในสมอง (Brain Pathways)
ประมวลผลข้อมูลผ่านเส้นทางยาวกว่า
→ ผ่านสมองส่วนที่เกี่ยวกับการไตร่ตรอง ความทรงจำ และอารมณ์
(เช่น สมองส่วน Prefrontal Cortex และ Hippocampus)
→ จึงใช้เวลาคิด ตัดสินใจ และ ประเมินความหมายของประสบการณ์อย่างละเอียด รอบคอบ และ ลึก
การสนทนา
จึงมักถนัดการคุยแบบ Deep Talk
ไม่ค่อยถนัดคุยทักทายทั่วไป ชิทแชท ดินฟ้าอากาศไปเรื่อยๆ
เมื่อต้องอยู่ในสังคม ที่เน้นการคุยแบบทักทายทั่วๆไป
จึงเป็นสถานการณ์ที่ introvert อึดอัด
ไปไม่ค่อยเป็น (awkward moment)
"มีความเป็นนักฟัง มากกว่า นักพูด"
ใช้เส้นทางสั้นกว่า และ เชื่อมโยงกับระบบตอบสนองทันที เช่น Amygdala
→ ทำให้ตอบสนองเร็ว กระตือรือร้น และ ชอบประสบการณ์ตรง
การสนทนา
จึงมีความถนัดกับการทักทายชิทแชท ทักทายทั่วไป แซวไปแซวมา ที่ไม่ลงลึกได้มากกว่า
มีความไหลลื่น และ คล่องตัวกว่า
แต่ไม่ถนัดการคุยแบบ Deep talk เชิงลึก
มีความไปไม่ค่อยเป็น
โดยเฉพาะเมื่อต้องคุย
เกี่ยวกับความคิด/ความรู้สึกภายใน
ที่ต้องอาศัยการสังเกต...อย่างละเอียด และ ระดับลึก
"มีความเป็นนักพูด มากกว่า นักฟัง"
---------------------------------
4. สารสื่อประสาท (Neurotransmitters)
มีความไวต่อ Dopamine (สารที่ทำให้รู้สึกตื่นเต้น) มากกว่า
→ รับโดพามีนในปริมาณเล็กน้อยก็รู้สึก"พอ"
และ ถ้ามากเกินไปจะรู้สึกอึดอัด เหนื่อย
ต้องการ Dopamine ในระดับสูงกว่า
เพื่อรู้สึก "มีชีวิตชีวา"
→ จึงชอบกิจกรรมตื่นเต้น ท้าทาย
หรือ สถานการณ์ที่มีการสื่อสาร ปฏิสัมพันธ์
หรือ อยู่ผู้คนเยอะ ๆ
------------------
สรุป
สมองไวต่อการกระตุ้น
มีการประมวลผลที่ลึกและละเอียด
การเข้าสังคม รู้สึกว่าต้องใช้พลังงานเยอะ
ต้องการเวลาสงบเงียบกับตนเองเพื่อฟื้นฟูพลัง
สมองต้องการสิ่งเร้าเยอะ
มีการตอบสนองออกไปเร็ว
สนุกกับการปฏิสัมพันธ์เพื่อเติมพลัง
"ทุกพฤติกรรมล้วนมีที่มา
ความ introvert และ extrovert ก็เช่นกัน"
บทความโดย ผศ.พญ.ทานตะวัน อวิรุทธ์วรกุล
ท่านใดสนใจรับฟังเสียงบรรยายบทความนี้
สามารถรับฟังได้ทางลิงค์นี้ค่ะ
https://youtu.be/uTME4HM-40o
#เข้าใจธรรมชาติชีวิต
#เข้าใจธรรมชาติจิตใจ
#ยิ่งโตยิ่งสุข